
"...ในสำนวนการสอบสวนคดีเรียกรับเงินจำนวน 30 ล้านบาท มีการระบุว่า นายวิฑูรย์ เมื่อครั้งตำรงตำแหน่ง สส.จังหวัดอุบสราชธานี และกรรมาธิการวิสามัญร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 กับพวก เรียกรับเงิน 30 ล้านบาท ในการร่วมลงทุนและช่วยเหลือการก่อสร้างโครงการสิ่งสาธารณูปโภคของทางราชการ เมื่อปี 2556 - 2557 ปรากฎพฤติการณ์ว่า นาง ส. จ่ายเงินสตและเงินโอนให้นายวิฑูรย์และบุคคลอื่น ระหว่างเดือนมิถุนายน 2556 - พฤษภาคม 2557 รวม 20 ครั้ง เป็นเงินเงิน 29,600,000 บาท ..."
ประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกที่มาเงินจำนวน 58,900,000 บาท
กรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด นายวิฑูรย์ นามบุตร ในคดีร่ำรวยผิดปกติ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) ปี 2554 เป็นจำนวนเงินรวม 58,900,000 บาท และเห็นควรให้ส่งสำนวนไต่สวน เอกสารหลักฐาน ให้อัยการสูงสุด (อสส.) ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินต่อไป

- มติเอกฉันท์! ป.ป.ช.ชี้มูล 'วิฑูรย์ นามบุตร' คดีร่ำรวยผิดปกติ 58.9 ล. ช่วงเป็น สส.ปี 54
- เบื้องลึก! เงิน 14.3 ล.คดี 'วิฑูรย์' ร่ำรวยผิดปกติ อ้างเล่นพนันได้-โยงกรณีเรียกรับ 30 ล.
- เผยโฉมบ้าน 14.3 ล. 'วิฑูรย์' อ้างใช้เงินเล่นพนันบ่อนเขมรซื้อ - ป.ป.ช.ชี้ซุกทรัพย์สิน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เงินจำนวน 58,900,000 บาท แบ่งออกเป็น 3 รายการ ได้แก่
1. เงินที่นำไปใช้ในการสร้างโรงเรือน จำนวน 1 หลัง จำนวน 15,000,000 บาท
2. เงินที่นำไปมอบให้นางสาวสุคนธ์ธา หอมจันทร์ อดีตภรรยานอกสมรส เพื่อชำระค่าซื้อบ้าน จำนวน 14,300,000 บาท
และ 3. เงินที่ได้รับมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จำนวน 29,600,000 บาท
ทั้งนี้ เงินรายการที่ 2 จำนวน 14,300,000 บาท มีการยืนยันข้อมูลว่า ถูกนำเป็นบ้านและที่ดินในโครงการบ้านจัดสรร คาซ่า เลเจ้นด์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า มีความเชื่อมโยงกับคดีที่ นายวิฑูรย์ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญาในช่วงปี 2565 กรณีถูกกล่าวหาพร้อมพวกรวม 5 รายว่า กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น และมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด กรณีเรียกรับเงิน จำนวน 30 ล้านบาท ในการร่วมลงทุนและช่วยเหลือการก่อสร้างโครงการสิ่งสาธารณูปโภคของทางราชการ เมื่อปี 2556 - 2557 ซึ่งปัจจุบันคดีนี้ อยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลฯ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในสำนวนการสอบสวนคดีเรียกรับเงินจำนวน 30 ล้านบาท มีการระบุว่า นายวิฑูรย์ เมื่อครั้งตำรงตำแหน่ง สส.จังหวัดอุบสราชธานี และกรรมาธิการวิสามัญร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 กับพวก เรียกรับเงิน 30 ล้านบาท ในการร่วมลงทุนและช่วยเหลือการก่อสร้างโครงการสิ่งสาธารณูปโภคของทางราชการ เมื่อปี 2556 - 2557
ปรากฎพฤติการณ์ว่า นาง ส. จ่ายเงินสตและเงินโอนให้นายวิฑูรย์และบุคคลอื่น ระหว่างเดือนมิถุนายน 2556 - พฤษภาคม 2557 รวม 20 ครั้ง เป็นเงินเงิน 29,600,000 บาท
ขณะที่จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบความเชื่อมโยงว่าเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2557 นาย ว. น้องชายนาง ส. ได้โอนเงิน 1,000,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี XXX ปรากฏชื่อ นางสาวสุคนธ์ธา หอมจันทร์ อดีตภรรยานอกสมรส ของ นายวิฑูรย์
แต่จากการตรวจสอบแบบแสตงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2554 - 2557 ไม่พบว่า นางสาวสุคนธ์ธา ยื่นแบบต่อกรมสรรพากร
เท่ากับว่า นางสาวสุคนธ์ธา ไม่มีรายได้
สำนักข่าวอิศรา ยังได้รับการยืนยันข้อมูลด้วยว่า เงินรายการที่ 2 ยังเชื่อมกับเงินรายการที่ 3 จำนวน 29,600,000 บาท ที่ป.ป.ช.ระบุว่า นายวิฑูรย์ ที่ได้รับมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่
โดยในการฟ้องร้องดำเนินคดีอาญา กรณีเรียกรับเงิน 30 ล้านบาท ข้อเท็จจริงจากสำนวนสอบสวนของ ป.ป.ช. ฟังเป็นที่ยุติว่า นายวิฑูรย์ เรียกรับเงิน 30 ล้านบาท ในการร่วมลงทุนและช่วยเหลือการก่อสร้างโครงการสิ่งสาธารณูปโภคของทางราชการ เมื่อปี 2556 -2557
พฤติการณ์ในการเรียกรับเงินมีทั้งการจ่ายเงินสด และเงินโอนให้แก่บุคคลตามที่นายวิฑูรย์แจ้ง ระหว่างเดือนมิถุนายน 2556-พฤษภาคม 2557 จำนาน 20 ครั้ง รวม 29,600,000 บาท
เงินเรียกรับดังกล่าวจึงถือเป็นการได้มาระหว่างที่ นายวิฑูรย์ ดำรงตำแหน่ง สส. และเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 2557 เข้าตามนิยาม "ร่ำรวยผิดปกติ" มาตรา 4 พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561
สำหรับที่มาเงินจำนวน 58,900,000 บาท ยังไม่จบ
ยังมีข้อมูลเชิงลึกเงินก้อนแรก ที่นำไปใช้ในการสร้างโรงเรือน จำนวน 1 หลัง จำนวน 15,000,000 บาท อีก
รายละเอียดเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไป
อนึ่ง การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะคำพิพากษาตัดสินชี้ขาดว่ามีความผิด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา