"...จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า นายนิมล รักดี หรือ“โจ เพรสซิเด้นท์พิจิตร” ได้รับการเลื่อนชั้นจากนักโทษชั้นกลาง เป็นชั้นเยี่ยม ภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว เหมือนกับ นายอภิชาติ เมื่อคำนวณระยะเวลาการรับโทษ จากปี 2560 - 2567 เท่ากับนายนิมล รักดี หรือ โจ ได้รับโทษไปจำนวน 7 ปี จากโทษเต็มที่ได้รับ 32 ปี เท่านั้น..."
กรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกการปล่อยตัวพักโทษ 2 ผู้ต้องขังคนสำคัญในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต ที่คือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง อดีตนักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ และนายสมคิด เอื้อนสุภา ลูกน้อง นายอภิชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ซื้อเช็คหลายใบเพื่อนำไปชำระค่าข้าวมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท แทนที่จะเป็นบริษัทตัวแทนจากจีนที่เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าว ทำให้การซื้อขายข้าวดังกล่าวถูกระบุว่าไม่ได้เป็นการซื้อขายแบบจีทูจีจริง ก่อนที่ในเวลาต่อมาจากตรวจสอบพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้ต้องขังคดีระบายข้าวจีทูจี จำนวนกว่า 15 ราย แบ่งเป็นกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน ได้รับการปล่อยตัวออกไปเกือบหมดแล้ว นั้น
ล่าสุด มีการตั้งข้อสังเกตจาก นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ต่อกรณีการปล่อยตัวพักโทษ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ก่อนกำหนดหลายสิบปี ว่า เป็นเทคนิคในการใช้อำนาจเลื่อนนักโทษทุจริตเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด แล้วลดโทษทันที 1 ใน 3 แบบฮวบฮาบ 3-4 ครั้ง ภายในแค่ 1 ปี
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวในกรมราชทัณฑ์ ว่า นอกจาก นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่ได้เลื่อนนักโทษทุจริตเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ในช่วงเวลาอันสั้น ซึ่งมีผลต่อการลดโทษตามที่ นายสมชาย แสวงการ ออกมาเปิดเผยข้อมูลไปแล้ว
ยังมีผู้ต้องขังคดีระบายข้าวจีทูจีที่ได้รับการปล่อยตัวออกไปแล้วหลายราย ที่ได้รับการเลื่อนนักโทษทุจริตเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ในช่วงเวลาอันสั้นเช่นเดียวกัน
อาทิ นายนิมล รักดี หรือ “โจ เพรสซิเด้นท์พิจิตร” ลูกน้องคนสนิทของนายอภิชาติ ผู้ต้องขังกลุ่มเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่อยู่ร่วมในกระบวนการนำกวางตุ้ง และไห่หนานเข้ามาทำสัญญาข้าวจีทูจีกับกรมการค้าต่างประเทศ และมีการนำข้าวทั้งหมดมาเวียนขายตั้งแต่ต้น มีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ที่รับโทษจำคุก 32 ปี พ้นโทษไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2567
โดย นายนิมล รักดี หรือ “โจ เพรสซิเด้นท์พิจิตร” เริ่มนับโทษเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2560
ได้รับการเลื่อนชั้นจากนักโทษชั้นกลาง เป็นชั้นดี เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2563 และได้รับการเลื่อนชั้นจากชั้นดี เป็นชั้นดีมาก เมื่อวันที่ 1 ก.ค.63
ต่อมาได้รับการเลื่อนชั้นจากชั้นดีมาก เป็นชั้นเยี่ยม เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2563
ได้รับการอภัยโทษ จำนวน 4 ครั้ง
ครั้งแรก อภัยโทษ 2563/1 จากโทษ 32 ปี คงเหลือโทษ 24 ปี
ครั้งสอง อภัยโทษ 2563/2 คงเหลือโทษ 16 ปี
ครั้งสาม อภัยโทษ 2564/1 คงเหลือโทษ 10 ปี 8 เดือน
ครั้งสี่ อภัยโทษ 2564/2 คงเหลือโทษ 6 ปี 3 เดือน 10 วัน
ก่อนจะพ้นโทษไป เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2567
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า นายนิมล รักดี หรือ“โจ เพรสซิเด้นท์พิจิตร” ได้รับการเลื่อนชั้นจากนักโทษชั้นกลาง เป็นชั้นเยี่ยม ภายในระยะเวลาเพียงปีเดียว เหมือนกับ นายอภิชาติ
เมื่อคำนวณระยะเวลาการรับโทษ จากปี 2560 - 2567 เท่ากับนายนิมล รักดี หรือ โจ ได้รับโทษไปจำนวน 7 ปี จากโทษเต็มที่ได้รับ 32 ปี เท่านั้น
ทั้งนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับ นายนิมล หรือ “โจ เพรสซิเด้นท์พิจิตร” สำนักข่าวอิศรา เคยนำเสนอไปแล้วว่า เป็นชาวจังหวัดพิจิตร โดยกำเนิด
เกิดเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2516 ปัจจุบันอายุประมาณ 52 ปี
เคยแจ้งที่อยู่ เลขที่ 193/3 ต.บางมูลนาก อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร
มีสถานะเป็น "ผู้อยู่อาศัย"
อย่างไรก็ดี ที่อยู่แห่งนี้ ไม่ปรากฎฐานข้อมูลเบอร์โทรศัพท์ติดต่อจากบริการ 1133
ส่วนที่อยู่ในฐานข้อมูล 1133 ที่มีการแจ้งข้อมูลไว้ คือ เลขที่ 1021/98 หมู่ 9 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์
แจ้งเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 056-222-XXX เบื้องต้น ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้พยายามติดต่อไปยังหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว เพื่อขอคำชี้แจงข้อเท็จจริงจากนายนิมลในทุกประเด็น แต่ไม่มีผู้รับสาย
สำหรับข้อมูล ผู้ต้องขังคดีระบายข้าวจีทูจี คนอื่นๆ ที่ได้รับการเลื่อนนักโทษทุจริตเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ในช่วงเวลาอันสั้นเช่นเดียวกัน
สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบในตอนต่อไป