ที่สำนักข่าวการ์เดียนของอังกฤษระบุว่าบุคคลซึ่งเป็นเป้าหมายของการเกณฑ์ทหารนั้นได้แก่ผู้ชายทุกคนที่มีอายุ 18-35 ปีและผู้หญิงอายุ 18-27 ปี ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในกองทัพนานสองปี ขณะผู้เชี่ยวชาญเช่นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอายุไม่เกิน 45 ปี ต้องทำหน้าที่ในกองทัพนานสามปี อย่างไรก็ตามระยะเวลาทั้งหมดนี้สามารถขยายได้ถึงห้าปี
ข่าวในประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นที่น่าสนใจ ในขณะนี้คงหนีไม่พ้นในประเด็นเรื่องของข่าวการที่กองทัพเมียนมาได้มีการออกกฎหมายเกณฑ์ทหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีการใช้กฎหมายตัวนี้มาก่อน ทำให้มีข้อสงสัยว่ากองทัพเมียนมาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าที่คิดใช่หรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงได้บทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาจากรายงานสื่อในต่างประเทศมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
มีรายงานจากสำนักข่าวอิรวดีในเมียนมา ระบุถึงเหตุการณ์ที่มีนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัยกว่า 116 คน จากสามมหาวิทยาลัยได้แก่มหาวิทยาลัยพะสิม,มหาวิทยาลัย Technological University และมหาวิทยาลัย Education College ต้องเข้าร่วมการฝึกทหารเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยพะสิม
การฝึกทหารดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการฝึกทหารครั้งแรกสำหรับผู้ที่เป็นอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยในภูมิภาคอิรวดี ตามข้อมูลของกลุ่มต่อต้านพิเศษในภูมิภาคพะสิม หรือ Pathein Special Taskforce ที่ให้กับสำนักข่าวอิรวดี
มีการกล่าวกันว่าการฝึกทหารนั้นใช้เวลาประมาณ 15-45 วัน
ขณะที่สำนักข่าวการ์เดียนของอังกฤษระบุว่าบุคคลซึ่งเป็นเป้าหมายของการเกณฑ์ทหารนั้นได้แก่ผู้ชายทุกคนที่มีอายุ 18-35 ปีและผู้หญิงอายุ 18-27 ปี ซึ่งจะต้องทำหน้าที่ในกองทัพนานสองปี ขณะผู้เชี่ยวชาญเช่นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอายุไม่เกิน 45 ปี ต้องทำหน้าที่ในกองทัพนานสามปี อย่างไรก็ตามระยะเวลาทั้งหมดนี้สามารถขยายได้ถึงห้าปี ตามคำประกาศของสื่อของรัฐเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา
นักศึกษา เจ้าหน้าที่ และอาจารย์มหาวิทยาลัยรวมที่มหาวิทยาลัยพะสิมเพื่อเริ่มการฝึกทหาร
“การเข้ารับราชการทหารซึ่งเกี่ยวพันกับทุกคนนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา” คำแถลงการณ์ของ พล.ท.ซอมิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหาร ซึ่งถูกปล่อยออกมาโดยทีมประชาสัมพันธ์ของกองทัพตอนหนึ่งระบุ
ในช่องเทเลแกรมของกลุ่มสนับสนุนทหารกล่าวว่ากลุ่มคนที่เข้าฝึกทหารเหล่านี้เป็นผู้อาสาสมัครเข้ามารบ แต่ว่ากลุ่มต่อต้านฯพะสิมกล่าวว่านี่คือข่าวปลอม เพราะอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยไม่ได้มีความต้องการเข้าร่วมการฝึกทหารแต่อย่างใด
สำนักข่าวอิรวดีพยายามติดต่อกับนักเรียนและอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆ แต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา
มีรายงานว่ากองทัพเมียนมาพยายามสร้างกองกําลังภาคพื้นดินที่ร่อยหรอลงขึ้นใหม่หลังจากประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ต่อกองกําลังต่อต้านตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และสูญเสียเมืองใหญ่และฐานทัพทั่วประเทศหลังจากกองกําลังต่อต้านร่วมเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ในรัฐฉานตอนเหนือ ยะไข่ รัฐกะยา และรัฐชิน
"เพื่อสร้างกองกําลังขึ้นใหม่และป้องกันไม่ให้การปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิประสบความสําเร็จ เผด็จการทหารได้สั่งให้มีการฝึกอบรมทางทหารแก่อาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัย แต่มันจะไม่ประสบความสําเร็จ" นายอู ทัน โซ นักวิเคราะห์การเมืองกล่าว และกล่าวต่อไปว่าเรื่องนี้จะมีผลสะท้อนกลับมาอย่างแน่นอน
"ในสถานการณ์ที่ประชากรทั้งหมดไม่แยแสกับกองทัพ ไม่ว่าจะให้การฝึกอบรมแก่ทหารเกณฑ์มากแค่ไหน ก็จะไม่ทําให้กองทัพเข้มแข็งขึ้น ทหารเกณฑ์จะสลับไปอยู่ฝ่ายประชาชนแน่" นายอูอธิบาย
การประท้วงของประชาชนต่อต้านรัฐบาลทหารเกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว แต่กองกำลังของรัฐบาลทหารได้มีการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างสันติด้วยวิธีการที่รุนแรง ส่งผลทำให้เยาวชนจำนวนหนึ่งหนีไปเข้าป่าและจับอาวุธเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหาร
ในช่วงเวลาเดียวกับทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการพลเรือนก็เข้าร่วมขบวนการอารยะขัดขืน
การสู้รบทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในฝั่งของกองทัพเพราะมีการต่อต้านที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการต่อต้านไม่ได้มีจากกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมาจากขบวนการติดอาวุธชุดใหม่ซึ่งมาจากพลเรือนที่หนีเข้าป่า
การบังคับเกณฑ์ทหารของรัฐบาลทหารนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อกลางเดือน ม.ค. เนื่องจากกองทัพเมียนมาประสบกับความพ่ายแพ้หลายครั้ง ทำให้ขาดแคลนกองกำลังพล บางคนจึงต้องหนีออกจากบ้าน และหนีไปนอนในทุ่งนา เพื่อให้รอดพ้นจากการถูกเกณฑ์ทหาร
ข่าวการเกณฑ์ทหารในเมียนมา (อ้างอิงวิดีโอจาก OneIndia)
มีรายงานว่าเผด็จการทหารยังได้มีการเกณฑ์,ฝึกฝน และติดอาวุธให้กับกลุ่มประชาชนที่มีจุดยืนว่าสนับสนุนทหาร เพื่อเพิ่มกำลังฝ่ายตัวเอง โดยกลุ่มนี้มีชื่อเฉพาะว่าพยูซอว์ ฮที (Pyu Saw Htee)
ย้อนไปเมื่อเดือน ธ.ค.2564 รัฐบาลทหารได้เริ่มการฝึกทหารให้แก่บุตรของนายทหารที่อยู่ในช่วงอายุวัยรุ่น โดยคนหนุ่มสาวกลุ่มนี้ถูกสอนในหลักสูตรอาทิเรื่องระเบียบวินัย วิธีการเดินแถว และวิธีการใช้อาวุธประจำกายขนาดเล็กและอาวุธเบา
พอมาถึงเดือน ม.ค.2565 มีรายงานว่าบรรดาภรรยาของเจ้าหน้าที่นายทหารยศระดับกลางก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมการฝึกทหารเช่นกัน
การฝึกทหารดังกล่าวเป็นการฝึกที่กินเวลาประมาณสองสัปดาห์ ครอบคลุมการใช้อาวุธประจำกายขนาดเล็ก และมีบางครั้งที่จะเป็นการฝึกใช้อาวุธหนัก การฝึกกลยุทธ์พื้นฐานทหารทหารโดยทั่วไป
แต่ว่าการวิเคราะห์กันว่าการติดอาวุธให้เด็กๆ หรือภรรยานายทหารนั้นไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
"ทหารรัฐบาลทหารหลายพันนายยอมจํานน และหลายร้อยนายหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" นายอูกล่าวและกล่าวต่อไปว่านี่เป็นข้อบ่งชี้ว่ารัฐบาลทหารกำลังเผชิญกับความพ่ายแพ้
เรียบเรียงจาก:https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmars-depleted-military-takes-aim-at-professors-students-to-beef-up.html,https://www.theguardian.com/world/2024/feb/11/myanmars-junta-declares-it-will-enforce-military-service-laws-for-young-people