ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ ตีตกข้อกล่าวหา 'พิเชฐ ไทยกล้า' อดีตนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี ร่ำรวยผิดปกติ หลังพิจารณาผลไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานเพียงพอ ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่ให้ส่งเรื่อง ปปง. สอบธุรกรรมทางการเงิน สรรพากรดูภาษี กรณีมีเงินได้จากการประกอบอาชีพทนายความต่อไป
ISRA-EXCLUSIVE : นายพิเชฐ ไทยกล้า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี และดำรงนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตีตกข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ แต่ถูกส่งเรื่องให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน และแจ้งกรมสรรพากร ดำเนินการทางภาษี กรณีที่มีเงินได้จากการประกอบอาชีพทนายความ
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ถูกเปิดเผยเป็นทางการต่อสาธารณะ ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ช. ระบุว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ ตีตกข้อกล่าวหา นายพิเชฐ ไทยกล้า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี และดำรงนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติไม่สัมพันธ์กับรายได้ และไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาของทรัพย์สินได้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หลังพิจารณาผลการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าร่ำรวยผิดปกติ ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
พฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุป
ป.ป.ช. ระบุ พฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า ผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2551 เปรียบเทียบกรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2555 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัย พบว่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 5,492,658.62 บาท ขณะที่มีเงินได้ตามแจ้งในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียง 1,229,400 บาท เป็นเหตุให้ทรัพย์เพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ จำนวน 4,263,258.62 บาท
และผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2551 เปรียบเทียบกรณีพ้นจากตำแหน่งครบหนึ่งปีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2556 พบว่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 5,132,658.62 บาท ขณะที่มีเงินได้ตามแจ้งในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียง 1,944,200 บาท เป็นเหตุให้ทรัพย์เพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ 3,188,458.66 บาท
โดย ป.ป.ช.ระบุว่า ข้อมูลผลการตรวจสอบพบว่า
1. จากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า เปิดบัญชีหลังจากเข้ารับตำแหน่งและปิดบัญชีก่อนพ้นจากตำแหน่งมีรายการฝากเงินมากถึง 4,512,637.40 บาท ซึ่งเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นระหว่างดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี
2. จากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า มีเงินฝากเข้าบัญชี จำนวน 6,000,000 บาท เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2555
ผู้ยื่นชี้แจงว่า เป็นเงินที่ประกอบอาชีพทนายความ ซึ่งเอกสารหลักฐานที่ผู้ยื่นนำมาแสดง มีเพียงเอกสารการโอนเงินไม่ปรากฏสัญญาการจ้างว่าความ หรือหลักฐานอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าผู้ยื่นหรือสำนักงานทนายความของผู้ยื่นเป็นผู้ถูกจ้างว่าความ
3. จากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า มีเงินฝากเข้าบัญชี จำนวน 4,000,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2556 จากการตรวจพบว่าเงินจำนวนโอนมาจากบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินที่เพิ่มขึ้นขณะที่นายพิเชฐฯ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี และผู้ยื่นไม่ได้ชี้แจงแหล่งที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า นายพิเชฐ ไทยกล้า ผู้ถูกกล่าวหาขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย และดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงในวันที่เข้ารับตำแหน่ง วันที่พ้นจากตำแหน่ง และวันที่ครบหนึ่งปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ตามมาตรา 32 และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย และเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2551 ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2551 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2555ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2555 พ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2556 ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2556
ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี และเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2555 ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2555
ผู้ถูกกล่าวหาประกอบอาชีพทนายความ
ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ถูกกล่าวหาประกอบอาชีพทนายความ สามารถว่าความต่อสู้คดีได้ทั่วราชอาณาจักร และเปิดสำนักงานทนายความชื่อว่า สำนักงานทนายความพิเชฐและเพื่อน ตั้งอยู่เลขที่ 14 ถนนรามคำแหง ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีทนายความอยู่ด้วยกัน 4 คน คือ นายพิเชฐ ไทยกล้า, นายวีระพงษ์ วรรณบุตร, นายวุฒิพงษ์ อ่อนตะวัน และนายนพคุณ อ่ำวงษ์
ผู้ถูกกล่าวหามีพี่น้องร่วมบิดามารดา จำนวน 5 คน ดังนี้
1. นายนิพนธ์ ไทยกล้า
2. นางนภาพร สิงห์สะอาด
3. นายพิเชฐ ไทยกล้า
4. นางวิมล เสาะแสวง
5. นายศุภวิชญ์ ไทยกล้า
ระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี นายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี มีนางจินตนา ไทยกล้า เป็นคู่สมรส และเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายประกอบอาชีพรับราชการในตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ และมีบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1 คน คือเด็กหญิง พ. ไทยกล้า ยังไม่มีรายได้
จากรายงานผลการตรวจสอบยืนยันข้อมูลของผู้ถูกกล่าวหา ตามบันทึกข้อความที่ 40(สท)/0702 ลงวันที่ 4 กันยายน 2562 ผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง เปรียบเทียบกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัย พบว่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 5,492,658.62 บาท ขณะที่มีเงินได้ตามแจ้งในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียง 1,229,400 บาท เป็นเหตุให้ทรัพย์เพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ จำนวน 4,263,258.62 บาท และผลการตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง เปรียบเทียบกรณีพ้นจากตำแหน่งครบหนึ่งปี พบว่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 5,132,658.62 บาท ขณะที่มีเงินได้ตามแจ้งในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียง 1,944,200 บาท เป็นเหตุให้ทรัพย์เพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ 3,188,458.62 บาท
พบรายการความเคลื่อนไหวทางการเงินที่ผิดปกติ
จากการตรวจสอบรายการเงินฝากจากสถาบันการเงิน พบรายการความเคลื่อนไหวทางการเงินที่ผิดปกติ ดังนี้
(1) บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า มีเงินฝากเข้าบัญชี จำนวน 1,000,000 บาท เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2552
จากการไต่สวนพบว่าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ เลขที่บัญชีXXX ประเภทบัญชี ฝากประจำ 3 เดือน ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า เปิดบัญชีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2552 และปิดบัญชีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2553 ซึ่งเป็นกรณีเปิดบัญชีหลังจากเข้ารับตำแหน่งและปิดบัญชีก่อนพ้นจากตำแหน่ง จึงไม่ได้มีการยื่นรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้ ต่อสำนักงาน ป.ป.ช. จากการตรวจสอบจากรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี (Statement) นับแต่วันเปิดบัญชีจนถึงวันปิดบัญชีพบว่ามีรายการความเคลื่อนไหว ดังนี้
วันที่ 21 ธันวาคม 2552
-รายการฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากประจำ (FDCH) จำนวน 1,000,000 บาท
วันที่ 21 มีนาคม 2553
-รายการปรับปรุงเพิ่มดอกเบี้ยเงินฝากประจำ (IIPC) จำนวน 9,863.01 บาท
-รายการหักภาษี TAX จำนวน 1,478.45 บาท
-รายการโอนเงิน จำนวน 8,383.56 บาท ไปยังไปยังบัญชี XXX
-รายการถอนบัญชีเงินฝากประจำโดยการโอน (FWTRC) จำนวน 1,000,000 บาท ไปยังบัญชีXXX
ตามรายงานผลการตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อมูล พบว่าเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2552 มีเงินฝากเข้าบัญชี จำนวน 1,000,000 บาท จากการไต่สวนพบว่า ในวันเดียวกันนายพิเชฐ ไทยกล้า ได้มีการถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า จำนวน 1,000,000 บาท ซึ่งนายพิเชฐฯ ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ชี้แจงต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุโขทัย และให้การต่อคณะไต่สวนเบื้องต้นว่ารายการดังกล่าว ตนได้ถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ เลขที่บัญชี XXX แล้วนำไปฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ เลขที่บัญชี XXX
จากการไต่สวนปรากฏต่อว่า บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า เปิดบัญชีเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 ในวันเปิดบัญชีได้มีเงินฝากเข้าบัญชีจำนวน 1,000,000 บาท พบรายการโอนมาจากบัญชีธนาคารเลขที่ XXX ชื่อบัญชี นายศุภวิชญ์ ไทยกล้า ซึ่งเป็นน้องชายของนายพิเชฐ ไทยกล้า และนายพิเชฐฯ ให้การว่าเงินจำนวน 1,000,000 บาทดังกล่าวนั้น เป็นเงินที่ตนถอนมาจากบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่ XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า ได้ถอนเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 จำนวน 700,000 บาท
จากการตรวจสอบรายการความเคลื่อนไหวทางบัญชีของบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี XXX พบว่ามีรายการถอนเงินจำนวน 700,000 บาทตามที่นายพิเชฐฯ ให้การจริง
ส่วนอีก 300,000 บาทนั้น นายพิเชฐฯ ให้การว่าเป็นเงินสดของนายพิเชฐฯ เอง เมื่อนำเงินทั้งสองรายการรวมกันแล้วครบจำนวน 1,000,000 บาท จึงได้ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารเลขที่ XXX ของนายศุภวิชญ์ ไทยกล้า ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 เพื่อเตรียมเงินไว้ฝากเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ และต่อมานายศุภวิชญ์ ไทยกล้า ได้เปิดบัญชีเลขที่บัญชี XXX และฝากเงินจำนวน 1,000,000 บาท ดังกล่าว
จากการไต่สวนพบว่าขณะที่เกิดเหตุนั้นนายศุภวิชญ์ ไทยกล้า ประกอบอาชีพเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย และตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2551 ถึงวันที่ 26 พฤษภาคม 2554 ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสบริการลูกค้า ณ ธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย
สาเหตุที่นายพิเชฐ ไทยกล้า เปิดบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี XXX และเลขที่บัญชี XXX ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากงไกรลาศ นั้น เนื่องจากว่านายศุภวิชญ์ ไทยกล้า ได้ไปขอความช่วยเหลือจากนายพิเชฐ ไทยกล้า ให้เปิดบัญชีธนาคารดังกล่าวเพื่อเพิ่มยอดเงินฝากของธนาคารและจำนวนลูกค้าของธนาคาร
ปัจจุบันบัญชีดังกล่าวทั้ง 2 บัญชีได้ปิดไปและไม่ได้มีการใช้แล้ว และจากการไต่สวนต่อมาธนาคารกรุงไทยได้มีหนังสือที่ สท.80/2565 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 ชี้แจงรายละเอียดของการโอนเงินดังกล่าวว่า บัญชีเลขที่ XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า สาขากงไกรลาศ ทำรายการโอนเงินไปยัง บัญชีเลขที่XXX ชื่อบัญชี นายพิเชฐ ไทยกล้า สาขากงไกรลาศ จำนวน 1,000,000 บาท เนื่องจากเป็นการครบกำหนดเงินฝากประจำจึงมีการโอนเงินไปยังบัญชีเงินฝากประจำอีกบัญชีหนึ่งที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า
(2) บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า มีเงินฝากเข้าบัญชี จำนวน 6,000,000 บาท เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555
จากการไต่สวนได้ความว่า จากรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี (Statement) เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX มีรายการฝากเงินเข้าบัญชีจำนวน 6,000,000 บาท
นายพิเชฐ ไทยกล้า ขณะที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี และดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ยังได้ประกอบอาชีพทนายความเป็นอาชีพหลัก สามารถว่าความต่อสู้คดีได้ทั่วราชอาณาจักร และเปิดสำนักงานทนายความชื่อว่า สำนักงานทนายความพิเชฐและเพื่อน ตั้งอยู่เลขที่ 14 ถนนรามคำแหง ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย มีทนายความอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน คือ นายพิเชฐ ไทยกล้า, นายวีระพงษ์ วรรณบุตร, นายวุฒิพงษ์ อ่อนตะวัน และนายนพคุณ อ่ำวงษ์
ตามที่ปรากฏรายการบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชีXXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 มีการฝากเช็คเข้าบัญชีออมทรัพย์ (SDCK ) จำนวน 6,000,000 บาท นั้น นายธนพล บุญมา ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นนายประทุมทองธนพล บุญมา ซึ่งรู้จักกับ ร.ต.ต. เปรย เวชการ ได้แนะนำให้นายธนพล บุญมา ติดต่อกับนายพิเชฐ ไทยกล้า เพื่อปรึกษาคดี
จากนั้นนายธนพล บุญมา จึงได้ติดต่อนายพิเชฐ ไทยกล้า เพื่อว่าจ้างให้เป็นทนายความในการดำเนินการต่อสู้คดีที่นางสาวปริญญา บุญมา ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น นางสาวธนทักษ์ บุญมา บุตรสาวของนายธนพล บุญมา ถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท เมทแอมเฟตามีน ไฮโดรคลอไรด์ มีน้ำหนักสารบริสุทธิ์เกินกว่ายี่สิบกรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตกลงค่าจ้างกันจำนวน 6,000,000 บาท และตกลงใช้เช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขที่ XXX ฉบับลงวันที่ 26 กันยายน 2555 จำนวนเงิน 6,000,000 บาท เป็นหลักฐานการจ่ายเงินและดำเนินคดี
ซึ่งขณะเกิดเหตุนายธนพล บุญมา ประกอบอาชีพเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทเอกชน และเคยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2555 ได้เงินรางวัลจำนวน 40,000,000 บาท ปรากฏตามหลักฐานสำเนาสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ 25,26 สลากบำรุงการกุศลงวดที่ 67,68 เลข 222518 งวดวันที่ 1 มีนาคม 2555 และเช็คธนาคารกรุงไทย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2555 จ่ายเงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้กับนายธนพล บุญมา จำนวน 2 ฉบับ คือฉบับเลขที่ XXX จำนวนเงิน 33,830,000 บาท ฉบับเลขที่ XXX จำนวนเงิน 5,940,000 บาท
ในการตกลงจ้างกันดังกล่าวไม่ได้มีการทำสัญญาจ้างว่าความกันแต่อย่างใด ตกลงกันด้วยวาจาและใช้หลักฐานการจ่ายเงินเป็นหลักฐานในการตกลงว่าจ้างกันต่อสู้คดีจนเสร็จสิ้นกระบวนการ และคดีดังกล่าวพนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ตามหนังสือ ที่ อส0042(พล)0049 เรื่องแจ้งคำสั่งไม่ฟ้อง ลงวันที่ 8 มกราคม 2556 จึงไม่มีการแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินคดีในชั้นศาล ได้ตกลงราคาค่าจ้าง จำนวน 6,000,000 บาท นายธนพล บุญมา จึงได้ออกเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา เช็คเลขที่ XXX เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2555 จำนวนเงิน 6,000,000 บาท ให้กับนายพิเชฐ ไทยกล้า
(3) บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า มีเงินฝากเข้าบัญชี จำนวน 4,000,000 บาท เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2556
จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายพิเชฐ ไทยกล้า เป็นเงินฝากบัญชีออมทรัพย์ เปิดบัญชีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2555 ตามรายงานผลการตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อมูล พบว่า จากการตรวจสอบรายการเคลื่อนไหวทางการเงินพบรายการผิดปกติ
กล่าวคือตามรายการความเคลื่อนไหวทางบัญชี (Statement) พบว่า เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2556 บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX มีรายการ ฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ (SDTRC) จำนวน 4,000,000 บาท นายพิเชฐ ไทยกล้า ได้มีหนังสือฉบับลงวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ชี้แจงต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุโขทัย ความว่าเงินที่ได้มีการฝากเข้าบัญชีดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นเงินของนายพิเชฐ ไทยกล้า ที่ได้โอนมาจากบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX เนื่องจากเป็นบัญชีเงินฝากประเภทฝากประจำ เมื่อครบกำหนดระยะเวลาฝาก เงินจะโอนเข้าบัญชี XXX โดยอัตโนมัติ
จากการตรวจสอบ รายการความเคลื่อนไหวทางบัญชี (Statement) เงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า พบว่าเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2556 ได้มีรายการถอนบัญชีเงินฝากประจำ (FWNB) จำนวน 4,000,000 บาท เพื่อไปเข้าบัญชี XXX จำนวน 4,000,000 บาท และรายการความเคลื่อนไหวทางบัญชี (Statement) บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2556 มีรายการฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์ (SDTRC) จำนวน 4,000,000 บาท ซึ่งธนาคารกรุงไทยได้มีหนังสือที่ สท.80/2565 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2565 ชี้แจงรายละเอียดของการโอนเงินดังกล่าวว่า บัญชีเลขที่ XXX ชื่อบัญชี นายพิเชฐ ไทยกล้า สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เมื่อเงินฝากครบกำหนด มีการโอนเงินอัตโนมัติจากบัญชีฝากประจำไปยังบัญชีคู่โอนเลขที่XXX ชื่อบัญชีนายพิเชฐ ไทยกล้า สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย จำนวน 4,000,000 บาท
จากการไต่สวนต่อมาพบว่าเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดสุโขทัย เลขที่บัญชี XXX เปิดบัญชีธนาคารเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2555 มีเงินฝากจำนวน 4,000,000 บาท เป็นวันเดียวกันกับที่นายพิเชฐ ไทยกล้า ถอนเงินจากบัญชีธนาคารกรุงไทยXXX จำนวน 4,000,000 บาท ซึ่งเงินดังกล่าวเป็นเงินที่ได้มากจากการจ้างว่าความของนายธนพล บุญมา
ผลการพิจารณาคณะกรรมการ ป.ป.ช.
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติเอกฉันท์ จำนวน 5 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้นไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่านายพิเชฐ ไทยกล้า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี นายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
ทั้งนี้ ให้ส่งเรื่องให้สำนักงาน ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน และแจ้งสรรพากร ดำเนินการทางภาษี กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหามีเงินได้จากการประกอบอาชีพทนายความต่อไป
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลระบุว่า ธุรกรรมทางการเงิน และข้อมูลทางภาษี ในการประกอบอาชีพทนายความของ นายพิเชฐ ไทยกล้า มีความผิดปกติแต่อย่างใด
นายพิเชฐ ไทยกล้า และผู้เกี่ยวข้องจึงเป็นผู้บริสุทธิ์