นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้มีการเลือกตั้ง ความถี่ของการจับกุมนั้นก็เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้ตอนนี้เราถูกบังคับให้ต้องอยู่แต่ภายในบ้าน ลดการเดินทางข้างนอก ก็มีความเป็นไปได้ว่าการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่เพิ่มขึ้น ทำให้การจับกุมเพิ่มขึ้น หรือในอีกทางที่เป็นไปได้ก็คือว่าสภาทหารของเมียนมาได้ดำเนินการกดดันต่อแรงงานไทย เรามองว่าจุดยืนของรัฐบาลไทยนั้นสนับสนุนระบอบที่มาจากการรัฐประหารในทางอ้อม
สืบเนื่องจากที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้มีการนำเสนอ รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีที่ประเทศไทยถูกประเทศเพื่อนบ้านโจมตีเรื่องการจัดประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับเผด็จการทหารเมียนมา
ล่าสุดมีกรณีที่เกี่ยวข้องอีกครั้งเมื่อมีการระบุว่าประเทศไทยนั้นมีส่วนในการส่งตัวชาวเมียนมาที่ลี้ภัยกลับประเทศเป็นจำนวนที่มากขึ้น นับตั้งแต่วันที่มีการเลือกตั้งเป็นต้นมา
โดยสำนักข่าว BNI ของเมียนมาได้รายงานข่าวว่าพบว่ามีกรณีที่ชาวเมียนมาเป็นจำนวนมากที่ไม่มีเอกสารกำลังประสบปัญหาความยากลำบาก หลังจากที่ทางการไทยได้ดำเนินปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ อ.แม่สอด ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนรัฐกะเหรี่ยงในเมียนมา
มีครูคนหนึ่งซึ่งมีส่วนร่วมกับขบวนการเคลื่อนไหวขัดขืนภาคพลเรือนหรือที่เรียกกันว่า CDM ซึ่งปัจจุบันนี้ขบวนการมีฐานการเคลื่อนไหวอยู่ในแม่สอด ได้ออกมากล่าวว่าเขาเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของกรณีชาวเมียนมาที่ไม่มีเอกสารที่ถูกทางการไทยจับกุมนั้นอาจจะเกิดมาจากแรงกดดันจากสภาทหารของเมียนมาที่มาจากการรัฐประหาร ได้ดำเนินการกดดันต่อทางการไทย
เธอกล่าวต่อไปว่า “นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้มีการเลือกตั้ง ความถี่ของการจับกุมนั้นก็เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้ตอนนี้เราถูกบังคับให้ต้องอยู่แต่ภายในบ้าน ลดการเดินทางข้างนอก ก็มีความเป็นไปได้ว่าการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายที่เพิ่มขึ้น ทำให้การจับกุมเพิ่มขึ้น หรือในอีกทางที่เป็นไปได้ก็คือว่าสภาทหารของเมียนมาได้ดำเนินการกดดันต่อแรงงานไทย เรามองว่าจุดยืนของรัฐบาลไทยนั้นสนับสนุนระบอบที่มาจากการรัฐประหารในทางอ้อม”
ทั้งนี้มีรายงานว่าหลังจากตำรวจไทยจับกุมชาวเมียนมาที่ไม่มีเอกสารในแม่สอดเพิ่มสูงขึ้น ชาวเมียนมาในพื้นที่ก็ต้องคอยเตือนซึ่งกันและกันเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม และต้องอยู่ที่บ้านในวันที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการจุบกุม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของนักเคลื่อนไหวทางการเมืองบอกว่าผู้ที่ถูกบังคับว่าจะต้องออกจากบ้าน มักจะเป็นเป้าหมายที่ถูกจับกุม
“ด้วยการจับกุมที่พุ่งสูงขึ้น ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ แม้ตอนที่เราเรียกรถจักรยานยนต์หรือรถแท็กซี่เพื่อทําธุระที่จําเป็น เราค่อนข้างจะตื่นตระหนกและต้องคอยเฝ้าระวังเจ้าหน้าที่ ความไม่มั่นคงที่เกิดขึ้นนั้นปฏิเสธไม่ได้ อย่างไรก็ตามผมเชื่อมั่นว่าจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ปัจจุบันไปได้” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ไม่ระบุนามกล่าว
เนื่องจากว่ามีบางคนกลัวตกงาน ชาวเมียนมาที่ไม่มีเอกสารบางคนจึงถูกบังคับให้ออกไปทํางาน ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกตํารวจไทยจับกุม แล้วก็มีคนถูกจับจริงๆ
โดยส่วนหนึ่งของผู้ที่ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตํารวจไทย ได้รับการปล่อยตัวด้วยการจ่ายสินบน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทยหรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะมีโอกาสที่น้อยกว่ามากในการหลบหนีจากสถานการณ์ดังกล่าว และมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเนรเทศกลับไปยังเมียนมา
ผู้ลี้ภัยเมียนมาในแม่สอด (อ้างอิงวิดีโอจาก DVB TV)
ขณะที่นายโค ไฮน์ ออง หนึ่งในผู้ลี้ภัยได้กล่าวถึงกรณีการจับกุมอย่างเข้มงวดที่เกิดขึ้นใน อ.แม่สอด โดยเขาได้ให้ความเห็นในทิศทางตรงข้าม ระบุว่าเขาค่อนข้างรู้สึกปลอดภัยเมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตในเมียนมาที่อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองอันกดขี่ของทหาร
“อย่างน้อยที่สุดแม้ว่าเราจะถูกจับกุมเราก็มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพในระดับหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าการอดทนต่อชีวิตภายใต้การปกครองที่กดขี่ของสภาทหาร” นายอองกล่าว
ท่ามกลางการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านการรัฐประหารของทหาร พลเมืองเมียนมา จํานวนมากถูกบังคับให้หนีออกจากบ้านเกิดพร้อมกับครอบครัวและขอลี้ภัยใน อ.แม่สอดและส่วนอื่นๆ ของประเทศไทย ซึ่งคนกลุ่มนี้แตกต่างจากแรงงานข้ามชาติพวกเขาไม่ได้มาประเทศไทยด้วยความตั้งใจที่จะหางานทําซึ่งส่งผลให้เกิดความท้าทายและปัญหาต่างๆเมื่อพวกเขาเริ่มการย้ายถิ่นฐาน
“พวกเราหลายคนพบว่าตัวเองต้องสร้างชีวิตใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น โดยบางคนหนีออกจากบ้านเกิด มีเพียงเสื้อผ้าบนหลังเท่านั้น อย่างไรก็ตามเรามุ่งมั่นที่จะอดทนและอดทนจนกว่าการปฏิวัติของเราจะประสบความสําเร็จ” นายอองกล่าว
จากข้อมูลของครูที่ทำงานให้กับ CDM ที่นำเสนอไปเมื่อครู่ พบว่าในปัจจุบันมีกลุ่มช่วยเหลือหลายกลุ่มได้บริจาคทั้งอาหาร น้ำมัน และเกลือที่จำเป็นให้กับผู้ลี้ภัย อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนปัจจัยเรื่องเงินก็ยังคงเป็นปัญหาสำคัญอยู่ดี ส่งผลทำให้ผู้ลี้ภัยจากเมียนมาที่อาศัยอยู่ในตางประเทศเช่นตัวเธอนั้นมีความกังวลในเรื่องการจ่ายเงินค่าเช่าและที่อยู่อาศัย
“เส้นทางของการปฏิวัตินั้นยากลําบากและท้าทายโดยมีคนจํานวนมากต้องเสียสละชีวิตและเสียอาชีพการงานเพื่อแสวงหาการเปลี่ยนแปลง มีช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกด้วยความสิ้นหวังยิ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวฉันต้องรวบรวมความแข็งแกร่งภายในของฉัน”ครูจาก CDM กล่าว
ในปี 2564 มีผู้ลี้ภัยจากเมียนมาติดอยู่ที่แม่สอดกว่า 80,000 คน (อ้างอิงวิดีโอจาก CNA)
โดย ณ เวลานี้ มีการระบุถึงข้อกําหนดอันเร่งด่วนสําหรับพลเมืองเมียนมาที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร ที่มาขอที่พักพิงที่ชายแดนไทย เพื่อให้ได้บัตรรับรองอย่างเป็นทางการสำหรับการพำนักชั่วคราวในประเทศไทย และมีข้อเสนอแนะว่าให้ปรับปรุงกระบวนการโดยการออกบัตรรับรองผู้ลี้ภัยร่วมกับรัฐบาลมาเลเซียและสํานักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับพลเมืองเมียนมาข้ามชาติในประเทศไทย
หลังจากเหตุเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่แม่สอด เจ้าหน้าที่ได้บุกค้นบ้านพักในหอผู้ป่วยแห่งหนึ่ง จนทําให้มีการยึดอาวุธยุทโธปกรณ์และวัสดุที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้กำลังมีปฏิบัติการค้นหากําลังดําเนินการเพื่อจับกุมบุคคลที่เชื่อมโยงกับอาวุธที่ถูกยึด
เรียบเรียงจาก:https://www.bnionline.net/en/news/sudden-increase-arrests-undocumented-myanmar-nationals-mae-sot