"...นายอุดร เป็นแค่คนงานในโรงงานแห่งหนึ่ง มีหน้าที่นั่งเฝ้าโรงงาน และถูกเอาชื่อมาใช้เป็นเจ้าของ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และเข้าไปเสนองานขายรถบรรทุกให้กับหน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ เมื่อได้งานแล้ว ก็จะไปนำรถบรรทุกจากบริษัทในเครือข่ายมาส่งมาต่อให้อีกที..."
กรณี เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำเลย 7 ราย ในคดีจัดซื้อรถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์ของเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางการ
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่องในขณะนี้นั้น
- คุก 5 ปี! อดีตเทศฯ หนองไข่น้ำ ซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิงมิชอบ-กลุ่มคิงส์รอลงอาญา ป.ป.ช.ค้าน
- พลิกปูม! คดีซื้อรถดับเพลิง ทต.หนองไข่น้ำ อดีตนายกฯคุก 5 ปี-นายทุนใหญ่กลุ่มคิงส์ รอลงอาญา
- ถูกคุมขังเกือบ 2 ปีแล้ว! ข้อมูลใหม่ 'อดีตหน.พัสดุ'ได้รอลงอาญาคดีรถดับเพลิง ทต.หนองไข่น้ำ
- ไขคดีรถดับเพลิง ทต.หนองไข่น้ำ อดีตนายกฯ โดนคุก 5 ปี เหตุพฤติการณ์ร้ายแรง - ไม่ยำเกรง กม.
ชื่อของ นายอุดร ชาภูวงษ์ จำเลยที่ 7 ในคดีนี้ ที่ถูกศาลฯ ตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
มีความสำคัญและไม่ควรถูกมองข้าม เพราะ
1. บทบาทหน้าที่ของ นายอุดร ชาภูวงษ์ ในคดีนี้ ถูกระบุว่าเป็น กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพียงในนาม (นอมินี)
2. ส่วน นายสมเดช สังข์สุริยะ จำเลยที่ 3 , นางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม จำเลยที่ 4 นายสมชาย สังข์สุริยะ จำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนตั้ง บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ตัวจริง ถูกศาลฯ ตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือนเหมือนกัน แต่ให้รอการลงโทษไว้คนละ 3 ปี ปรับ 8 หมื่นบาท และให้คุมประพฤติคนละ 2 ปี
สำนักข่าวอิศรา นำข้อมูลเกี่ยวกับ นายอุดร ชาภูวงษ์ มาเสนอแบบชัด ๆ ดังนี้
ในช่วงปี 2561 ที่สำนักข่าวอิศรา เคยติดตามทำข่าวเจาะลึกเกี่ยวกับคดีการจัดซื้อประกวดราคาแข่งขันงานขายรถบรรทุกชนิดต่างๆ ให้กับหน่วยงานรัฐท้องถิ่น ของกลุ่มบริษัทเอกชน 4 ราย คือ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ จำกัด และ บริษัท รุ่งเจริญ อีควิปเมนท์ แอนด์ทรัค จำกัด ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นบริษัทกลุ่มเดียวกัน และเข้าร่วมประกวดราคาแข่งขันงานขายรถบรรทุกชนิดต่างๆ ให้กับหน่วยงานรัฐท้องถิ่น พร้อมกันจำนวนหลายสัญญา โดยนับตั้งแต่ปี 2552 จนถึง2560 ยอดงานที่เอกชนกลุ่มนี้ได้รับไปทั้งหมด มีจำนวน 306 สัญญา รวมวงเงิน 791,375,079 บาท
สำนักข่าวอิศรา ได้รับแจ้งเบาะแสข้อมูลเกี่ยวกับ นายอุดร ชาภูวงษ์ ว่า มีสถานะที่แท้จริง เป็นเพียงแค่คนงานในโรงงานของนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกนำชื่อมาเป็นเจ้าของ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพื่อเข้าเสนอราคาแข่งงานงานขายรถบรรทุกให้กับหน่วยงานท้องถิ่น เป็นจำนวนเงินนับร้อยล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา
แหล่งข่าวยืนยันว่า "นายอุดร เป็นแค่คนงานในโรงงานแห่งหนึ่ง มีหน้าที่นั่งเฝ้าโรงงาน และถูกเอาชื่อมาใช้เป็นเจ้าของ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และเข้าไปเสนองานขายรถบรรทุกให้กับหน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ เมื่อได้งานแล้ว ก็จะไปนำรถบรรทุกจากบริษัทในเครือข่ายมาส่งมาต่อให้อีกที"
"ส่วนข้อมูลของนายอุดร เท่าที่รู้ ในช่วงที่ถูกนำชื่อมาใช้เป็นเจ้าของบริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ก็เป็นลูกจ้างของบริษัทเอกชน ที่ทำธุรกิจด้านรักษาความปลอดภัยอยู่แถวดอนเมือง ก่อนจะไปอยู่กับภรรยาที่ทำงานเป็นคนเก็บเงินให้กับรีสอร์ทที่ชื่อว่า ภูฟ้า อยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู"
@ อุดร ชาภูวงษ์
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา่ ได้ตรวจสอบรายชื่อรีสอร์ทในจังหวัด หนองบัวลำภู พบว่า มีรีสอร์ทอยู่แห่งใช้ชื่อว่า ภูฟ้า รีสอร์ท แจ้งเบอร์โทรศัพท์ติดต่อในโลกออนไลน์ คือ 086 642 26XX
เมื่อติดต่อไปยัง ภูฟ้า รีสอร์ท ดังกล่าว เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ นายอุดร ชาภูวงษ์ ได้รับแจ้งข้อมูลจากพนักงานรีสอร์ทรายหนึ่ง ว่า เคยมีคนชื่อ นายอุดร ชาภูวงษ์ เข้ามาอยู่ที่รีสอร์ทแห่งนี้ จริง
"จะว่าเขา (นายอุดร) เคยเข้ามาทำงานที่ ภูฟ้า รีสอร์ท ก็คงไม่ได้นะ เพราะจริงๆ เขาแค่มาอยู่เป็นเพื่อนภรรยาของเขา ที่ทำงานเป็นพนักงานเก็บเงิน ช่วงกะดึก สักพักหนึ่งเท่านั้นเอง"
เมื่อถามว่า ภรรยานายอุดร ยังทำงานอยู่ที่รีสอร์ทหรือไม่ พนักงานรายนี้ ตอบว่า เขาชื่อว่า ต๋อย จะเข้ามาทำงานช่วงกะดึก
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ในช่วงค่ำวันที่ 26 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง ภูฟ้า รีสอร์ท เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับพนักงาน ชื่อ ต๋อย อีกครั้ง
เบื้องต้น มีผู้หญิงคนหนึ่ง รับสาย และยืนยันว่า ตนเองชื่อว่า ต๋อย
เมื่อผู้สื่อข่าว สอบถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับ นายอุดร ผู้หญิงคนนี้ ถามกลับว่า มีเรื่องอะไร จะถามไปทำไม
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า จะสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการปรากฏชื่อเป็นเจ้าของ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้หญิงคนนี้ บอกว่า "ไม่ได้" จากนั้นหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า "จะถามเรื่องนี้ไปทำไม"
จากนั้น ผู้หญิงรายนี้ ก็รีบแจ้งว่า ติดธุระ มีลูกค้าเข้ามาแล้ว ก่อนจะวางสายโทรศัพท์ไปทันที และไม่ได้ทราบข้อมูลอะไรเกี่ยวกับ นายอุดร อีก
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐานบริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ณ 31 ธ.ค. 2560 บริษัทฯ แจ้งว่า ทำธุรกิจหลัก คือ ซื้อมาขายไปยานพาหนะ เครื่องอัดขยะไฮดรอลิคพร้อมอุปกรณ์
ระบุชัดเจนว่า กรรมการของบริษัท มี 1 ราย คือ นายอุดร ชาภูวงษ์ โดยในการทำนิติกรรมใดๆ ให้ นายอุดร ชาภูวงษ์ ลงลายชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทฯ
นั้นอาจหมายความว่า ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายอุดร ชาภูวงษ์ คือ ผู้รับผิดชอบแทนบริษัททั้งหมด (ดูเอกสารประกอบ)
ล่าสุด ภายหลังปรากฏข่าวว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำเลยในคดีจัดซื้อรถยนต์บรรทุกน้ำดับเพลิงแบบอเนกประสงค์ของเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางการ
นายอุดร ชาภูวงษ์ ที่ถูกศาลฯ ตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลว่า สาเหตุที่ นายอุดร ไม่ได้รับการรอลงโทษในคดีนี้ เป็นเพราะศาลฯ เห็นว่า นอกจากคดีนี้แล้ว นายอุดร ยังเคยถูกดำเนินคดีในความผิดลักษณะเดียวกันมาแล้ว
โดยคดีนั้น (สำนักข่าวอิศรา ยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม นายอุดร ยื่นฎีกา ก่อนที่จะยื่นคำร้องขอถอนฎีกาในสำนวน กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุก
ส่วน นายสมเดช สังข์สุริยะ จำเลยที่ 3 , นางสาวกัลญานิตย์ รูปงาม จำเลยที่ 4 นายสมชาย สังข์สุริยะ จำเลยที่ 5 ในคดีนี้ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจดทะเบียนตั้ง บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ถูกศาลฯ ตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน เหมือนกัน แต่ให้รอการลงโทษไว้คนละ 3 ปี ปรับ 8 หมื่นบาท และให้คุมประพฤติคนละ 2 ปี นั้น
ศาลฯ มีความเห็นว่า แม้ นายสมเดช , นางสาวกัลญานิตย์ , นายสมชาย เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิด ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย
แต่เมื่อพิจารณาประวัติโดยรวมของจำเลยทั้ง 3 ราย แล้ว ไม่มีข้อเสียหายร้ายแรง
เชื่อว่ายังอยู่ในวิสัยที่สามารถแก้ไขปรับปรุงตนเองได้ ประกอบกับไม่ปรากฎว่า จำเลยทั้ง 3 ราย เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และสังคมอยู่ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019
จึงเห็นสมควรให้โอกาส จำเลยทั้ง 3 ราย ได้กลับตนเป็นพลเมืองดีสักครั้ง น่าจะเป็นผลดีแก่จำเลยทั้ง 3 และสังคมส่วนร่วมมากกว่าที่จะจำคุกไปเสียทีเดียว
กรณีจึงมีเหตุอันควรปรานี ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้ง 3 ราย แต่เพื่อให้หลาบจำและเพื่อประโยชน์ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตนเอง เห็นสมควรลงโทษปรับ (คนละ 8 หมื่นบาท) อีกสถานหนึ่ง และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติไว้ด้วย
(อ่านประกอบ : ปิดฉากคดีฮั้วกลุ่มคิงส์ฯ! นายทุนใหญ่จนมุมหลังหนี 1ปี-ป.ป.ช.ส่งตัวฟ้องศาลฯ)
เท่ากับว่า นายอุดร ชาภูวงษ์ ที่ถูกใช้ชื่อเป็น นอมินี ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ติดคุก เพียงคนเดียว
ส่วนผู้ดำเนินการจดทะเบียนตั้ง บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ทั้ง 3 ราย ได้รอลงอาญา แต่เสียค่าปรับเพิ่มคนละ 8 หมื่นบาท ให้คุมประพฤติอีกคนละ 2 ปี
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ นายอุดร ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
ส่วน นายสมเดช, นางสาวกัลญานิตย์, นายสมชาย คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นสมควรอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 โดยขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยไม่รอการลงโทษจำคุก เนื่องจากเห็นว่าเป็นความผิดร้ายแรงและมีอัตราโทษสูง ขณะที่จำเลยทั้ง 3 ราย ก็มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองตามขั้นตอนทางกฎหมาย
แต่ไม่ว่าในท้ายที่สุดผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร
กรณี นายอุดร จึงนับเป็นกรณีตัวอย่าง และอุทาหรณ์ สำคัญของบุคคลทั่วไป ที่ไม่ควรยินยอมให้บุคคลอื่นๆ นำชื่อของไปใช้เป็นนอมินี ในการทำธุรกิจ อีกต่อไปทั้งในปัจจุบันและในอนาคต เพราะเสี่ยงที่จะต้องถูกลงโทษจำคุกโดยไม่รอลงอาญา หลายคดี
แบบที่เห็นและเป็นไปอยู่ในขณะนี้