"...นางสาวลำไพ ได้อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่กระทำการเขียนเช็คธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาโซ่พิสัยบัญชีเลขที่ XXXXX ของ อบต.บัวตูม จำนวน 63 ฉบับ มีเจตนาที่จะเว้นช่องว่างไว้สำหรับให้เติมตัวเลขและตัวอักษรลงไปได้ โดยเขียนตัวเลขไม่ติดตัว "฿" และเว้นช่องว่างไว้ให้เพียงพอสำหรับเติมตัวเลขลงไปภายหลังได้ รวมทั้งเขียนตัวอักษรไม่ชิดคำว่า "บาท" โดยเว้นช่องว่างไว้ข้างหน้าเพื่อให้เติมตัวอักษรลงไปได้เช่นกัน..."
กรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางกอกใหญ่ สนธิกำลังร่วมกันเข้าทำการจับกุมตัว นางสาวลำไพ อาจหาญ อดีตเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลบัวตูม (อบต.บัวตูม) อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ที่ถูกกล่าวหาในคดีใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ แก้ไขรายการในเช็คให้สูงกว่าการสั่งจ่ายจริง รวม 63 ฉบับ แล้วเบียดบังเอาเงินของ อบต.บัวตูม ไปเป็นของตนเอง รวมจำนวนเงินความเสียหาย 5.8 ล้านกว่าบาท ก่อนจะหลบหนีไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า การสนธิกำลังเข้าจับกุมตัว นางสาวลำไพ ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านั้น กลุ่มสืบสวนฯ 2 สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานป.ป.ช. ได้สืบสวนหาข่าวจนทราบว่า ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 นางสาวลำไพ จะมาปรากฏตัวที่วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม แขวงท่าพระเขตบางกอกใหญ่ กทม. จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชา และวางแผนลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติการจับกุม โดยสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางกอกใหญ่
จากนั้น ได้ควบคุมตัวนางสาวลำไพ ไปทำบันทึกจับกุม และจัดทำหนังสือส่งตัว ที่ สน.บางกอกใหญ่ และได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหาส่งพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 4 เพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ตามขั้นตอนทางกฏหมาย
ข้อมูลสำคัญที่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นทางการ คือ พฤติการณ์การกระทำความผิดของ นางสาวลำไพ เป็นอย่างไร?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเชิงลึกในคดีนี้ ว่า นางสาวลำไพ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเป็นทางการในช่วงเดือนมิถุนายน 2564
ปรากฏข้อกล่าวหา ฐานเป็นเจ้าหนักงาน มีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลเอกสารหรือดูแลเอกสารกระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ตามประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 161 ประกอบมาตรา 90 และ91 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรานปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 1273/1 ประกอบมาตรา 90 แล 91 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับพฤติการณ์ในการกระทำความผิด ระบุว่า นางสาวลำไพ ได้บังอาจใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งของตน แก้ไนรายการในเช็คให้สูงกว่าการสั่งจ่ายจริง และเบียดบังเอาเงินของ อบต.บัวตูม ไป จำนวน 63 ฉบับ จำนวนเงิน 5,818,191 บาท ไปเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว อันเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน
กล่าวคือ ระหว่างเดือนเมษายน พ.ศ. 2553 ถึงเดือนเมษายน 2556 นางสาวลำไพ ได้อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่กระทำการเขียนเช็คธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาโซ่พิสัยบัญชีเลขที่ XXXXX ของ อบต.บัวตูม จำนวน 63 ฉบับ
มีเจตนาที่จะเว้นช่องว่างไว้สำหรับให้เติมตัวเลขและตัวอักษรลงไปได้
โดยเขียนตัวเลขไม่ติดตัว "฿" และเว้นช่องว่างไว้ให้เพียงพอสำหรับเติมตัวเลขลงไปภายหลังได้
รวมทั้งเขียนตัวอักษรไม่ชิดคำว่า "บาท" โดยเว้นช่องว่างไว้ข้างหน้าเพื่อให้เติมตัวอักษรลงไปได้เช่นกัน
ซึ่งมีลักษณะของการเขียนตัวอักษรที่แตกต่างกันไป
รวมทั้งสั่งจ่ายเช็คเป็นเงินสดที่มีวงเงินมากกว่าสองพันบาทให้แก่คณะกรรมการรับส่งเงิน โดยไม่สั่งจ่ายให้แก่ลูกหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินโดยตรง และสั่งจ่ายเช็คเป็นเงินสดที่มีวงเงินต่ำกว่าสองพันบาทให้แก่คณะกรรมการรับส่งเงินมิได้สั่งจ่ายในนามหัวหน้าหน่วยงานคลัง โดยไม่ปรากฏเหตุหรือกรณีที่ไม่มีหัวหน้าหน่วยงานคลัง หรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
อีกทั้งได้กระทำการสั่งจ่ายเช็คให้แก่ตนเอง โดยที่ไม่ได้เป็นเจ้าหนี้หรือผู้มีสิทธิรับเงินโดยตรง และไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการรับส่งเงิน ในห้วงระหว่างวันที่ 2 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554
จากนั้น นางสาวลำไพ ได้เสนอกรรมการผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงินลงนามในเช็คธนาคารดังกล่าว โดยให้ผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่ายเงินร่วมกันอย่างน้อยสามคน เป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อถอนเงินฝาก
โดยนางสาวลำไพ ได้ขอให้บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการรับส่งเงิน มอบฉันทะให้กับตนเอง เป็นผู้รับเงินตามเช็ดเพื่อจะได้เดินทางไปเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว
ภายหลังจากนั้น นางสาวลำไพ ได้นำเช็คดังกล่าวมาถ่ายเอกสารแล้วได้อาศัยโอกาสนั้นทำการทุจริตโดยแก้ไขหรือเติมจำนวนเงินในเช็คให้สูงขึ้นด้วยวิธีการเขียนตัวเลขหรือเติมตัวเลข และเขียนตัวหนังสือไปข้างหน้าตามช่องว่างที่เว้นไว้ในเช็คให้มีจำนวนมากกว่าจำนวนเงินที่มีการอนุมัติให้เบิกจ่าย รวมจำนวน 63 ฉบับ ในระหว่างเดือนเมษายน 2553 ถึงเดือนเมษายน 2556 แล้วนำเช็คที่ได้แก้ไขปลอมแปลงนั้นไปขึ้นเงินกันธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ แล้ว จึงนำเงินไปจ่ายให้ผู้มีสิทธิรับเงินตามจำนวนเงินในรายการเช็คก่อนที่มีการแก้ไข
จากนั้นได้เบียดบังเอาเงินส่วนต่างที่เบิกเกินได้นั้น เป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต
โดยปรากฏลายมือชื่อของนางสาวลำไพ ในด้านหลังเช็คในฐานะผู้รับเงินตามจำนวนที่ได้มีการแก้ไขปลอมแปลง เอกสารฐานะทางการเงิน ระบบบัญชีสมุดเช็คและต้นขั้วประกอบสมุดคุมการจ่ายเช็ค ประกอบฎีกาเบิกจ่ายเงิน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 ณ วันที่ 27 เมษายน 2553 ถึงวันที่ .5 เมษายน 2556
ทำให้เงินอบต.บัวตูม ขาดบัญชี รวมจำนวน 5,818,919 บาท...
@ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ตำรวจ สนธิกำลังร่วมกับเข้าจับกุมตัว นางสาวลำไพ
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ ปัจจุบันยังไม่สิ้นสุด นางสาวลำไพ ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
แต่ว่าไม่ผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร คดีนี้นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญของข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานอื่น ไม่ให้เดินย้ำซ้ำรอยเอาเป็นเยี่ยงอย่างในอนาคตอีกต่อไป
นอกจากจะหมดอนาคตทางราชการ ยังต้องถูกลงโทษติดคุกติดตารางตามกฎหมายด้วย