"...ในกรณีที่กรมทางหลวงมีนโยบายอำนวยความสะดวกปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้ทางในช่วงเทศกาล ทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานได้ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น โดยหลักการไม่ควรอนุมัติขยายเวลาการทำงานให้ผู้รับจ้าง หากผู้รับจ้างส่งมอบงานจ้างล่าช้า ก็ให้พิจารณาลดค่าปรับตามจำนวนวันที่ให้ผู้รับจ้างหยุดทำงานตามนโยบายดังกล่าว ส่วนในกรณีที่ผู้รับจ้างสงวนสิทธิไม่ยินยอมให้ปรับนั้น ผู้รับจ้างไม่สามารถกระทำได้ ควรต้องพิจารณายกเลิกสัญญาจ้างหากให้ผู้รับจ้างทำงานต่อไป และผู้รับจ้างผิดสัญญาจ้าง อาจทำให้เกิดปัญหาต้องฟ้องร้องกันว่าจะสามารถปรับผู้รับจ้างได้หรือไม่..."
กรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหา นายวุฒิพงศ์ คำภูแสน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครพนม จังหวัดนครพนม กรณีไม่พิจารณาอนุมัติเรื่อง ขอขยายอายุสัญญาจ้างงาน และแจ้งค่าปรับโดยมิชอบ และใช้อำนาจสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดทำเอกสาร การส่งมอบงานของ บริษัท จตุรมาศ จำกัด ขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกให้ช่างผู้ควบคุมงานของบริษัท จตุรมาศ จำกัด เข้าไปลงนามแทนกรรมการผู้จัดการฯ ในหนังสือส่งมอบงาน
ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอข่าวไปแล้ว
ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นทางการ คือ รายละเอียดการไต่สวนคดีนี้เป็นอย่างไร? ทำไม ป.ป.ช. ถึงตีตกข้อกล่าวหา นายวุฒิพงศ์ คำภูแสน
ที่สำคัญในรายงานการไต่สวนคดีนี้ แม้จะไม่สามารถชี้มูลความผิดอะไรนายวุฒิพงศ์ คำภูแสน ได้ เนื่องจากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า นายวุฒิพงศ์ คำภูแสน ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
แต่จากผลการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีนี้ ทำให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. พบข้อสังเกตสำคัญ เกี่ยวกับช่องโหว่ในประเด็นเรื่องการอนุมัติขยายเวลาการทำงานให้ผู้รับจ้างของกรมทางหลวงเอาไว้ด้วย
สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียงข้อมูลมานำเสนอ ณ ที่นี้
หนึ่ง : พฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิด
ผู้กล่าวหา มีฐานะเป็นผู้รับจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุงสะพานและอาคารระบายน้ำ ตามแบบที่อนุมัติโดย สทล. 3 (สกลนคร) ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนควบคุม 0303 ตอนนครพนม - ธาตุพนม ระหว่าง กม. 328+700 ปริมาณ 1 แห่ง กับกรมทางหลวง โดยมีนายวุฒิพงศ์ คำภูแสน ตำแหน่ง ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครพนม เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากอธิบดีกรมทางหลวง มีกำหนดระยะเวลาตามสัญญาจ้างเหมาเป็นเวลา 120 วัน เริ่มสัญญาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 1 มีนาคม 2560 มูลค่างานตามสัญญา 4,949,000 บาท
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 แขวงทางหลวงนครพนม มีหนังสือขอให้ตรวจสอบสถานที่ก่อสร้าง ว่ามีความเหมาะสมอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำการก่อสร้างหรือไม่ และผลการตรวจสอบเป็นประการใด โปรดแจ้งให้แขวงทางหลวงนครพนมทราบภายในวันที่ลงนามในสัญญา หากไม่แจ้งให้ถือว่าสถานที่ที่จะทำการก่อสร้างอยู่ในสภาพที่พร้อมจะดำเนินการก่อสร้างได้ โดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2559 ผู้กล่าวหา ได้มีหนังสือถึงแขวงทางหลวงนครพนมว่า เมื่อได้เข้าทำการตรวจสอบสถานที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้ว ปรากฏว่ามีสาธารณูปโภคอยู่ในแนวเขตก่อสร้าง คือ เสาไฟฟ้าแรงสูง เสาไฟฟ้าแรงต่ำ เสาไฟฟ้าส่องสว่าง สายโทรศัพท์ และระบบสื่อสาร แนวท่อประปา ศาลาที่พักโดยสาร และป้ายต่างๆ กีดขวางแนวก่อสร้าง จึงขอให้แขวงทางหลวงนครพนมแจ้งหน่วยงานเจ้าของสาธารณูปโภครื้อย้ายสิ่งกีดขวางดังกล่าว เพื่อให้สถานที่ก่อสร้างอยู่ในสภาพที่พร้อมจะดำเนินการก่อสร้างได้ พร้อมภาพถ่ายประกอบ และได้ลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 ผู้กล่าวหา มีหนังสือแจ้งให้แขวงทางหลวงนครพนม ส่งมอบพื้นที่เพื่อดำเนินการตามโครงการ เพราะไม่สามารถเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ เนื่องจากยังไม่มีการรื้อย้ายสิ่งกีดขวาง และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ทั้งหมด ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการละเว้นไม่ปฏิบัติตามสัญญาจ้างเหมา
เป็นเหตุให้มีผลกระทบต่อกำหนดระยะเวลาทำงานตามโครงการดังกล่าว
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 ผู้กล่าวหา มีหนังสือถึงผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครพนม ขอสงวนสิทธิ์ขยายอายุสัญญาจ้างจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ซึ่งเป็นไปตามสัญญาจ้างข้อ 22 และเร่งให้แขวงทางหลวงนครพนม ดำเนินการติดต่อแจ้งหน่วยงานเจ้าของสาธารณูปโภครื้อย้ายสิ่งกีดขวางดังกล่าว เพื่อให้สถานที่ก่อสร้างอยู่ในสภาพที่พร้อมจะดำเนินการก่อสร้างได้
และวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 แขวงทางหลวงนครพนม ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมตรวจสอบพื้นที่ และได้จัดทำหนังสือยอมรับว่ามีสิ่งกีดขวางแนวการก่อสร้างอยู่จริงทางด้านขวา เป็นเสาไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกิ่งเดี่ยว จำนวน 5 ต้น เท่านั้น และขอให้ผู้กล่าวหา เข้าก่อสร้างตามสัญญาในส่วนพื้นที่ด้านซ้ายทางที่สามารถดำเนินการได้ไปก่อน เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 แขวงทางหลวงนครพนม ได้ทำการรื้อย้ายระบบและสิ่งสาธารณูปโภคแล้วเสร็จ และส่งมอบพื้นที่ให้ผู้กล่าวหา ก่อนสิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญา 23 วัน (สิ้นสุดสัญญาวันที่ 1 มีนาคม 2560) และวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2560 ผู้กล่าวหา มีหนังสือถึงแขวงทางหลวงนครพนม เพื่อขอขยายอายุสัญญาจ้าง ในเวลาที่ไม่สามารถดำเนินงานก่อสร้างในช่วงดังกล่าวได้ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2559 ถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 คิดเป็นระยะเวลา 93 วัน
แต่ปรากฏว่าเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการก่อสร้าง แขวงทางหลวงนครพนมไม่ยอมพิจารณาเรื่องขอขยายระยะเวลา และแจ้งผลการขยายระยะเวลาให้ทราบ อีกทั้งยังไม่เสนอเรื่องขอขยายอายุสัญญาให้กับผู้อำนวยการสำนักทางหลวงที่ 3 (สกลนคร) ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติเรื่องการขอขยายอายุสัญญาจ้างโครงการนี้ แต่กลับมีหนังสือแขวงทางหลวงนครพนม ลงวันที่ 10 มีนาคม 2560 แจ้งปรับกรณีผิดสัญญาจ้าง และให้นำเงินค่าปรับวันละ 12,372.50 บาท ไปชำระต่อกองการบัญชีฯ
ซึ่งในวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 แขวงทางหลวงนครพนมได้มีหนังสือแจ้งค่าปรับเกิน 10% ของค่างานตามสัญญา อ้างว่าขณะนี้ระยะเวลาตามสัญญาได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ผู้รับจ้างยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ และจำนวนค่าปรับเกิน 10% ของค่างานแล้ว
หากผู้รับจ้างยืนยันจะดำเนินการต่อให้เสร็จให้แจ้งยืนยันทำงานต่อไปจนกว่างานจะแล้วเสร็จ และยินยอมให้ปรับอันเกิดจากการที่ผู้รับจ้างทำงานล่าช้าทุกเงื่อนไข
และในวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 ผู้กล่าวหา ได้มีหนังสือแจ้งตอบยันยืนดำเนินการก่อสร้างจนงานแล้วเสร็จตามสัญญา แต่ไม่ยินยอมให้ปรับเพราะผู้กล่าวหา ได้ขอขยายอายุสัญญาจ้างไว้ และแขวงทางหลวงนครพนม ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการขยายอายุสัญญาให้แต่อย่างใด ณ ปัจจุบัน งานก่อสร้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จถูกต้องตามรูปแบบและรายละเอียดตามสัญญาจ้างทุกประการ และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับมอบงานเรียบร้อยแล้ว
ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างด้วยอีกฐานะหนึ่ง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตนจัดพิมพ์หนังสือส่งมอบงานผู้กล่าวหา ขึ้นใหม่ ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2560 โดยใช้เนื้อความและเลขออกหนังสือของผู้กล่าวหา ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผู้กล่าวหา เคยทำไว้เพื่อจะยื่นขอส่งมอบงานแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งยังไม่ได้ลงวันที่ เพราะต้องรอผลการทดสอบกำหนดกำลังคอนกรีตที่มีอายุ 28 วัน เมื่อพิจารณาแบบตัวอักษรและเนื้อความในหนังสือที่เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม จัดทำขึ้นซึ่งไม่ตรงกับแบบของผู้กล่าวหา ที่ใช้ส่งมอบงานในครั้งก่อนหน้า และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม ได้เรียกให้ช่างผู้ควบคุมงานของผู้กล่าวหาเข้าไปลงนามแทน ผู้มีอำนาจจัดการแทน ณ ปัจจุบัน งานก่อสร้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จถูกต้องตามรูปแบบและรายะเอียดตามสัญญาจ้างทุกประการ และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับมอบงานเรียบร้อยแล้ว
โดยผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างด้วยอีกฐานะหนึ่ง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตนจัดพิมพ์หนังสือส่งมอบงานผู้กล่าวหา ขึ้นใหม่ ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2560 โดยใช้เนื้อความและเลขออกหนังสือของผู้กล่าวหา ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผู้กล่าวหา เคยทำไว้เพื่อจะยื่นขอส่งมอบงานแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งยังไม่ได้ลงวันที่ เพราะต้องรอผลการทดสอบกำหนดกำลังคอนกรีตที่มีอายุ 28 วัน เมื่อพิจารณาแบบตัวอักษรและเนื้อความในหนังสือที่เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม จัดทำขึ้นซึ่งไม่ตรงกับแบบของผู้กล่าวหา ที่ใช้ส่งมอบงานในครั้งก่อนหน้า
ซึ่งเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม ได้เรียกให้ช่างผู้ควบคุมงานของผู้กล่าวหาเข้าไปลงนามแทน ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้กล่าวหา โดยวิธีผิดธรรมมาภิบาล
อีกทั้งให้ลงนามในเอกสารยินยอมรับค่าปรับเป็นเงิน จำนวน 1,138,270 บาท โดยไม่มีอำนาจ เพราะผู้กล่าวหา ไม่เคยมอบอำนาจ ให้นายบำรุงฯ มีอำนาจเซ็นยินยอมรับค่าปรับดังกล่าว และณ ปัจจุบัน งานก่อสร้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จถูกต้องตามรูปแบบและรายะเอียดตามสัญญาจ้างทุกประการ และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับมอบงานเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างด้วยอีกฐานะหนึ่ง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตนจัดพิมพ์หนังสือส่งมอบงานผู้กล่าวหา ขึ้นใหม่ ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2560 โดยใช้เนื้อความและเลขออกหนังสือของผู้กล่าวหา ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผู้กล่าวหา เคยทำไว้เพื่อจะยื่นขอส่งมอบงานแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งยังไม่ได้ลงวันที่ เพราะต้องรอผลการทดสอบกำหนดกำลังคอนกรีตที่มีอายุ 28 วัน เมื่อพิจารณาแบบตัวอักษรและเนื้อความในหนังสือที่เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม จัดทำขึ้นซึ่งไม่ตรงกับแบบของผู้กล่าวหา ที่ใช้ส่งมอบงานในครั้งก่อนหน้า
และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม ได้เรียกให้ช่างผู้ควบคุมงานของผู้กล่าวหา เข้าไปลงนามแทน ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้กล่าวหา โดยวิธีผิดธรรมมาภิบาล อีกทั้งให้ลงนามในเอกสารยินยอมรับค่าปรับเป็นเงิน จำนวน 1,138,270 บาท โดยไม่มีอำนาจ เพราะผู้กล่าวหา ไม่เคยมอบอำนาจ ให้ช่างผู้ควบคุมงานมีอำนาจเซ็นยินยอมรับค่าปรับดังกล่าว และณ ปัจจุบัน งานก่อสร้างได้ดำเนินการแล้วเสร็จถูกต้องตามรูปแบบและรายะเอียดตามสัญญาจ้างทุกประการ และคณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับมอบงานเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างด้วยอีกฐานะหนึ่ง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตนจัดพิมพ์หนังสือส่งมอบงานผู้กล่าวหา ขึ้นใหม่ ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2560 โดยใช้เนื้อความและเลขออกหนังสือของผู้กล่าวหา ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 ที่ผู้กล่าวหา เคยทำไว้เพื่อจะยื่นขอส่งมอบงานแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งยังไม่ได้ลงวันที่ เพราะต้องรอผลการทดสอบกำหนดกำลังคอนกรีตที่มีอายุ 28 วัน เมื่อพิจารณาแบบตัวอักษรและเนื้อความในหนังสือที่เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม จัดทำขึ้นซึ่งไม่ตรงกับแบบของผู้กล่าวหา ที่ใช้ส่งมอบงานในครั้งก่อนหน้า และเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงนครพนม ได้เรียกให้ช่างผู้ควบคุมงานของผู้กล่าวหา เข้าไปลงนามแทน ผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้กล่าวหา โดยวิธีผิดธรรมมาภิบาล อีกทั้งให้ลงนามในเอกสารยินยอมรับค่าปรับเป็นเงิน จำนวน 1,138,270 บาท โดยไม่มีอำนาจ เพราะผู้กล่าวหา ไม่เคยมอบอำนาจ ให้ช่างผู้ควบคุมงานผู้กล่าวหา มีอำนาจเซ็นยินยอมรับค่าปรับดังกล่าว และผู้กล่าวหา ได้มอบอำนาจให้ลงนามในสัญญาจ้าง เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
สอง : ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. :
ขณะเกิดเหตุ นายวุฒิพงศ์ คำภูแสน ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแขวงทางหลวงมุกดาหาร รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงนครพนม จังหวัดนครพนม ตามคำสั่ง
จ. 1.6/14/59 ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2556 มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบทางหลวงในท้องที่จังหวัดนครพนม ได้แก่ อำเภอเมืองนครพนม อำเภอบ้านแพง (ตำบลหนองแวง) อำเภอนาแก (ตำบลนาแก ตำบลสีชมพู ตำบลหนองสังข์ ตำบลพุ่มแก ตำบลนาคู่ ตำบลพิมาน และตำบลพระซอง) อำเภอนาหว้า (ตำบลเหล่าพัฒนา และตำบลบ้านเสียว) อำเภอท่าอุเทน อำเภอธาตุพนม อำเภอโพนสวรรค์ อำเภอเรณูนคร อำเภอศรีสงคราม อำเภอปลาปาก และอำเภอนาทม และงานอื่น ๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย
ประเด็นที่ 1 กรณีไม่พิจารณาอนุมัติเรื่องการขอขยายอายุสัญญาจ้างงานโครงการจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุงสะพานและอาคารระบายน้ำ และแจ้งการปรับกรณีผิดสัญญาจ้าง โดยมิชอบ
ทางไต่สวนได้ความว่า กรมทางหลวง แขวงทางหลวงนครพนม ได้ทำสัญญาที่ นพ. 40/2560 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 จ้างเหมาทำการก่อสร้าง ปรับปรุงสะพาน และอาคารระบายน้ำ ระหว่าง กรมทางหลวง แขวงทางหลวงนครพนม กับบริษัทจตุรมาศ จำกัด กิจกรรมอำนวยความปลอดภัยทางถนน ปี 2560 รหัสงาน 32000 งานจ้างเหมาทำการก่อสร้างปรับปรุงสะพานและอาคารระบายน้ำ ตามแบบที่อนุมัติโดย สทล.3 (สกลนคร) ทางหลวงหมายเลข 212 ตอนควบคุม 0303 ตอนนครพนม - ธาตุพนม ระหว่าง กม. 328 + 480 - กม.328 + 700 ปริมาณงาน 1 แห่ง จำนวนเงิน 4,949,000 บาท เริ่มต้นสัญญาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 1 มีนาคม 2560 โดยแขวงทางหลวงนครพนมมีหนังสือแจ้งไปยังบริษัท จตุรมาศ จำกัด ขอให้ตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างว่ามีความเหมาะสมอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำการก่อสร้าง หรือไม่ และผลการตรวจสอบเป็นประการใด แจ้งให้แขวงทางหลวงนครพนมทราบภายในวันที่ลงนามสัญญา ต่อมาวันที่ 26 ตุลาคม 2559 บริษัท จตุรมาศ จำกัด แจ้งการตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างพบว่าสาธารณูปโภคอยู่ในแนวก่อสร้าง คือ เสาไฟฟ้าแรงสูง เสาไฟฟ้าแรงต่ำ เสาไฟฟ้าส่องสว่าง สายโทรศัพท์ และระบบสื่อสาร แนวท่อประปาศาลาที่พักโดยสาร และป้ายต่าง ๆ กีดขว้างแนวก่อสร้างโครงการดังกล่าว ทำให้บริษัท จตุรมาศ จำกัด ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างในช่วงดังกล่าวได้ จึงขอให้ทางแขวงทางหลวงนครพนมดำเนินการแจ้งหน่วยงานเจ้าของสาธารณูปโภครื้อย้ายสิ่งกีดขวางดังกล่าวในพื้นที่ให้พ้นแนวเขตก่อสร้าง ซึ่งผู้ควบคุมงาน แขวงทางหลวงนครพนมได้รายงานว่ามีอุปสรรคในการก่อสร้าง จำนวน 2 รายการ คือ ศาลาทางหลวง 1 หลัง กับเสาไฟ้ฟ้าแสงสว่างชนิดกิ่งเดียว 5 ต้น ซึ่ง ณ ขณะนี้ ผู้รับจ้างยังไม่เข้าดำเนินการก่อสร้างแต่อย่างใด
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 แขวงทางหลวงนครพนม มีหนังสือแจ้งขอให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการตามสัญญา เนื่องจากได้ร่วมกันเข้าตรวจสถานที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างตามสัญญาดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าแนวก่อสร้างด้านขวาทางติดขัดเสาไฟฟ้าแสงสว่างชนิดกิ่งเดี่ยว จำนวน 5 ต้น และแขวงทางหลวงนครพนมจะดำเนินการเคลื่อนย้ายต่อไป ส่วนด้านซ้ายทางไม่ติดขัดงานสาธารณูปโภคใด ๆ ฉะนั้น จึงขอให้ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการตามสัญญาในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้และให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2559 ผู้รับจ้างส่งแผนงานการทำงานแต่ยังไม่เข้าดำเนินงาน ต่อมาวันที่ 19 ธันวาคม 2559 ผู้ควบคมงาน ได้รายงานการรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่ติดขัดในงานก่อสร้างสัญญาเลขที่ นพ.40/2560 ว่าได้ดำเนินการรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่ติดขัดในงานก่อสร้างออกเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2559 พร้อมกับภาพประกอบในส่วนด้านขวาทางของงานโครงการฯ และด้านซ้ายทางไม่ติดขัดสาธารณูปโภคใด ๆที่เป็นอุปสรรคในการก่อสร้าง
วันที่ 20 ธันวาคม 2559 ผู้รับจ้างเข้าดำเนินงานครั้งแรก โดยเข้าทำงานติดตั้งป้ายมาตรฐานการก่อสร้าง ซึ่งผู้รับจ้างไม่เข้าทำงานตามสัญญาตั้งแต่เริ่มสัญญาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 - 19 ธันวาคม 2559 รวมเป็นเวลา 48 วัน ปรากฏตามบันทึกรายงานผลงานประจำสัปดาห์ของผู้รับจ้างตามสัญญาเลขที่ นพ. 40/2560 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 และวันที่ 21 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 10 มกราคม 2560 ก็ไม่เข้าทำงานจนเป็นเหตุให้ผลงานล่าช้ากว่าแผนงานเกินกว่า 15 % โดยเป็นความผิดของผู้รับจ้าง
แต่วันที่ 9 มกราคม 2560 บริษัท จตุรมาศ จำกัด มีหนังสือขอสงวนสิทธิ์การขยายเวลาสัญญาตามนโยบายอำนวยความสะดวกปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้ทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2560 จึงขอสงวนสิทธิ์การขยายเวลาสัญญาเป็นระยะเวลา 7 วัน ตามจำนวนวันที่ต้องหยุดจริง และสำนักงานทางหลวงที่ 3 (สกลนคร)งานพัสดุและสัญญา โดยคณะกรรมการพิจารณาขยายเวลาทำการตามสัญญาเห็นควรขยายระยะเวลาทำการให้ผู้รับจ้างตามเวลาที่ผู้รับจ้างหยุดปฏิบัติงานจริง จำนวน 7 วัน ตั้งวันที่ 2 มีนาคม 2560 ถึงวันที่ 8 มีนาคม 2560 นับถัดจากวันสิ้นสุดสัญญา อันเป็นผลทำให้สิ้นสุดสัญญาในวันที่ 8 มีนาคม 2560
ซึ่งในระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2560 ถึงวันสิ้นสุดสัญญาคือวันที่ 8 มีนาคม 2560 ผู้รับจ้างก็ไม่เข้าทำงานอีก และวันที่ 10 มีนาคม 2560 แขวงทางหลวงนครพนมได้มีหนังสือแจ้งการปรับกรณีผิดสัญญาจ้างถึงผู้รับจ้างวันที่ 9 มีนาคม - 17 เมษายน 2560 รวมจำนวน 40 วัน ซึ่งเป็นเวลาภายหลังสิ้นสุดสัญญาจ้าง ปรากฏตามรายงานผลงานประจำสัปดาห์ของผู้รับจ้างไม่เข้าทำงาน ต่อมาวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 แขวงทางหลวงนครพนมมีหนังสือแจ้งค่าปรับเกิน 10 % ของค่างานตามสัญญาอันเกิดจากทำงานล่าช้าของผู้รับจ้าง
หากผู้รับจ้างยืนยันจะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ ให้ยืนยันว่า จะดำเนินการต่อไปจนกว่างานจะแล้วเสร็จและยินยอมให้ปรับอันเกิดจากการที่ผู้รับจ้างทำงานล่าช้าทุกเงื่อนไขโดยให้ทำการปรับแผนการปฏิบัติงานใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและสอดคล้องกับการดำเนินงานในปัจจุบัน
ซึ่งวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 บริษัท จตุรมาศ จำกัด ก็มีหนังสือยืนยันว่าจะดำเนินงานตามสัญญาให้แล้วเสร็จ แต่ไม่สามารถยินยอมให้ปรับได้เพราะได้ขอขยายอายุสัญญาจ้าง เพราะแขวงทางหลวงนครพนมไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ได้ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน ถึงวันที่ 22 พฤษภาคม 2560 รวมระยะเวลา 35 วัน
ผู้รับจ้างเข้าทำงานตามสัญญาภายหลังสิ้นสุดสัญญาจนงานแล้วเสร็จ และมีการตรวจรับงานจ้างเพื่อทำงานเบิกจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้าง และวันที่ 2 สิงหาคม 2560 ผู้รับจ้างแจ้งว่าได้รับเงินค่างานตามสัญญาสุทธิจำนวน 3,764,346.50 บาท เรียบร้อยแล้ว
ฉะนั้น ในการส่งมอบพื้นที่ของแขวงทางหลวงนครพนมนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้รับจ้างสามารถทำงานได้ในส่วนที่ไม่มีสิ่งสาธารณูปโภคกีดขวางอีกฝั่งได้แต่กลับไม่เข้าดำเนินงาน และการขอขยายระยะเวลาช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 เทศกาลสงกรานต์ 2560 ทางแขวงทางหลวงนครพนมก็ได้อนุมัติให้มีการขยายระยะเวลาสัญญาจ้างตามจำนวนวันที่ หยุดงานจริงทั้งสองช่วง
ประเด็นที่ 2 กรณีใช้อำนาจสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจัดทำเอกสารการส่งมอบงานของ บริษัท จตุรมาศ จำกัด ขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกให้ช่างผู้ควบคุมงานของบริษัท จตุรมาศ จำกัด เข้าไปเซ็นชื่อแทนกรรมการผู้จัดการในหนังสือส่งมอบงาน
จากการรวบรวมพยานหลักฐานและเอกสารประกอบปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการจัดทำเอกสารของ บริษัท จตุรมาศ จำกัด ผู้รับจ้าง ได้มีการมอบอำนาจตามหนังสือ ที่ จตม. 1224/2559 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 โดยนายกริช ว่องสันติวานิช และนางสมใจ ยงญาติ เป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัทฯ มอบอำนาจให้นายบำรุง ชาลีกันหา ลงลายมือชื่อในเอกสารทุกแผ่นของบริษัทฯ ในการลงนามในสัญญาจ้างเอกสารประกอบสัญญา และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงานก่อสร้างปรับปรุงสะพานและอาคารระบายน้ำ ซึ่งในเอกสารส่งมอบงานของผู้รับจ้างฉบับลงวันที่ 16 มิถุนายน 2560
ปรากฏว่า นางสมใจ ยงญาติ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้ลงนามพร้อมกับประทับตราสำคัญของบริษัทฯ แจ้งว่าได้ดำเนินการก่อสร้างงานแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงขอเบิกค่างานเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,949,000 บาท และในวันที่ 19 มิถุนายน 2560 ผู้รับจ้าง โดยนายบำรุง ชาลีกันหา ผู้รับมอบอำนาจ ได้ทำการตรวจรับงานร่วมกับคณะกรรมการตรวจการจ้าง งานเป็นไปตามแบบรูปและรายการละเอียดแห่งสัญญา จึงทำการเบิกจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้างต่อไป
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า นายวุฒิพงศ์ คำภูแสน ผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สาม : ข้อสังเกต ป.ป.ช.
อนึ่ง กรรมการ ป.ป.ช. มีข้อสังเกตว่า ในกรณีที่กรมทางหลวงมีนโยบายอำนวยความสะดวกปลอดภัยแก่ประชาชนผู้ใช้ทางในช่วงเทศกาล ทำให้ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานได้ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น โดยหลักการไม่ควรอนุมัติขยายเวลาการทำงานให้ผู้รับจ้าง หากผู้รับจ้างส่งมอบงานจ้างล่าช้า ก็ให้พิจารณาลดค่าปรับตามจำนวนวันที่ให้ผู้รับจ้างหยุดทำงานตามนโยบายดังกล่าว
ส่วนในกรณีที่ผู้รับจ้างสงวนสิทธิไม่ยินยอมให้ปรับนั้น ผู้รับจ้างไม่สามารถกระทำได้ ควรต้องพิจารณายกเลิกสัญญาจ้างหากให้ผู้รับจ้างทำงานต่อไป และผู้รับจ้างผิดสัญญาจ้าง อาจทำให้เกิดปัญหาต้องฟ้องร้องกันว่าจะสามารถปรับผู้รับจ้างได้หรือไม่
ทั้งหมดนี้ คือ รายละเอียดผลการไต่สวนคดีนี้ และผลการพิจารณาของ ป.ป.ช. ที่ตีตกข้อกล่าวหา นายวุฒิพงศ์ คำภูแสน พร้อมข้อสังเกต สำคัญ เกี่ยวกับช่องโหว่ในประเด็นเรื่องการอนุมัติขยายเวลาการทำงานให้ผู้รับจ้างของกรมทางหลวง ที่ไม่ควรถูกมองข้ามเช่นกัน