"...สาเหตุเกิดจาก ฐานข้อมูลเกษตรกรของหน่วยงานรับขึ้นทะเบียนยังมีข้อจำกัดในการนำมาใช้เป็นข้อมูลในการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการ แนวปฏิบัติในการตรวจสอบยืนยันตัวตนและความถูกต้องคุณสมบัติของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการไม่ชัดเจน กระบวนการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรขาดความละเอียด รอบคอบ และรัดกุมในการตรวจสอบหรือสอบทานความถูกต้องและความซ้ำซ้อนของข้อมูล ..."
โครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและครอบครัว ให้มีรายได้เพื่อการดำรงชีวิตในช่วงภาวะวิกฤติ โดยการจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรงรายละ 15,000.00 บาท ให้แก่เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 ล้านราย รวมวงเงินของโครงการไม่เกิน 150,000 ล้านบาท
ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบปัญหาเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือบางส่วนมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่โครงการกำหนด ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการบางส่วนไม่ได้เป็นผู้ที่มีสิทธิตามโครงการ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือยังไม่ครอบคลุมเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายตามโครงการ ตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติเกษตรกรที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการยังไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ ส่งผลให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 บางส่วนไม่ได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนของตนเองและครอบครัว และเกิดการใช้จ่ายเงินงบประมาณไปโดยไม่สมควร จำนวน 228.985 ล้านบาท รวมทั้งก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของคนในสังคมเพิ่มมากขึ้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สตง.ได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นโครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่ 2 ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการช่วยเหลือ เยียวยาให้กับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรและครอบครัว ให้มีรายได้เพื่อการดำรงชีวิตในช่วงภาวะวิกฤติ โดยการจ่ายเงินช่วยเหลือโดยตรงรายละ 15,000.00 บาท ให้แก่เกษตรกรกลุ่มเป้าหมายไม่เกิน 10 ล้านราย รวมวงเงินของโครงการไม่เกิน 150,000.00 ล้านบาท
จากการตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการในเดือน เมษายน 2563 จนสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 กันยายน 2563
มีประเด็นข้อตรวจพบ ดังนี้
@ข้อตรวจพบที่ 1 ผลการดำเนินโครงการบางส่วนไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนด
1.1 เกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือบางส่วนมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่โครงการกำหนด
จากการตรวจสอบ พบว่า มีเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่โครงการกำหนด จำนวนทั้งสิ้น 12,516 ราย รายละเอียดดังนี้
1.1.1 เกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือไม่ได้ประกอบการเกษตร
จากการตรวจสอบ พบว่า มีเกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการที่ไม่ได้ประกอบการเกษตร จำนวน 22 ราย แบ่งเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน19 ราย กรมประมง จำนวน 2 ราย และการยางแห่งประเทศไทย จำนวน 1 ราย รวมเป็นเงินจำนวน270,000.00 บาท
นอกจากนี้ยังพบเกษตรกร จำนวน 1 ราย ที่ขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนกับทั้งกรมหม่อนไหมและกรมส่งเสริมการเกษตร และได้แจ้งยกเลิกการประกอบการเกษตรผู้ปลูกหม่อนกับกรมหม่อนไหมแล้ว แต่ยังคงได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการจำนวน 15,000.00 บาทตามฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยไม่ปรากฏข้อมูลการแจ้งประกอบการเกษตรอื่นนอกจากการปลูกหม่อน
1.1.2 เกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือไม่ได้ขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร
จากการตรวจสอบ พบว่า มีเกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการแต่ไม่ได้ขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรตามวันที่โครงการกำหนด จำนวนทั้งสิ้น 1,780 ราย รวมเป็นเงินช่วยเหลือตามโครงการจำนวน 26.080 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้
1) เกษตรกรขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรก่อนปีการผลิต 2562 จำนวน 234 ราย
2) เกษตรกรขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรตามวันที่โครงการกำหนด และได้แจ้งยกเลิกกิจกรรมการเกษตรก่อนวันครบกำหนดขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรตามโครงการ จำนวน 1,148 ราย
3) เกษตรกรขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรหลังจากวันที่โครงการกำหนด จำนวน 164 ราย
4) เกษตรกรไม่มีรายชื่อในฐานข้อมูลเกษตรกรที่ขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรระหว่างปีการผลิต 2562 และ 2563 และไม่พบว่ามีการแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลครัวเรือนและกิจกรรมการเกษตรในฐานข้อมูลเกษตรกรที่แจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลครัวเรือนและกิจกรรมการเกษตร จำนวน234 ราย
นอกจากนี้ ยังพบว่า มีเกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการ จำนวน 15,696 ราย ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเกษตรกรที่แจ้งยกเลิกกิจกรรมก่อนหรือหลังวันที่ขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรตามวันที่โครงการกำหนด
1.1.3 เกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการขึ้นทะเบียน หรือหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเพิ่มเติมของหน่วยงานรับขึ้นทะเบียน
จากการตรวจสอบ พบว่า มีเกษตรกรที่ได้รับการช่วยเหลือมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการขึ้นทะเบียน หรือหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเพิ่มเติมของหน่วยงานรับขึ้นทะเบียนจำนวน 10,713 ราย คิดเป็นเงินช่วยเหลือตามโครงการ 160.245 ล้านบาท รายละเอียดดังนี้
1) เกษตรกรมีพื้นที่ทำการเกษตรไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนของกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 8,137 ราย รวมเป็นเงินช่วยเหลือตามโครงการ จำนวน 121.770 ล้านบาท
2) เกษตรกรมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไขเพิ่มเติมของกรมปศุสัตว์จำนวน 2,323 ราย โดยมีเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์เพียงชนิดเดียวและมีจำนวนสัตว์ที่เลี้ยงไม่เป็นไปตามที่กำหนด จำนวน 2,108 ราย และเกษตรกรที่ปลูกพืชอาหารสัตว์เพียงกิจกรรมเดียว จำนวน 215 รายรวมเป็นเงินช่วยเหลือตามโครงการจำนวน 34.690 ล้านบาท
3) เกษตรกรเป็นผู้ไม่มีสัญชาติไทยตามเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนของกรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และการยางแห่งประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 253 ราย รวมเป็นเงินช่วยเหลือตามโครงการจำนวน 3.785 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบเกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการอีกจำนวน 26,869 ราย มีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้ไม่มีสัญชาติไทย เนื่องจากอาจเป็นบุคคลต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยหรือเป็นบุคคลที่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายแล้ว
1.2 เกษตรกรผู้มีสิทธิตามโครงการไม่ได้รับเงินหรือได้รับเงินช่วยเหลือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
จากการตรวจสอบ พบว่า มีเกษตรกรที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ หรือได้รับเงินช่วยเหลือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด รายละเอียดดังนี้
1.2.1 เกษตรกรไม่ได้รับเงินหรือได้รับเงินต่ำกว่า 15,000.00 บาท
จากการตรวจสอบ พบว่า มีเกษตรกรไม่ได้รับเงินหรือได้รับเงินต่ำกว่า 15,000.00 บาท ซึ่งไม่เป็นไปตามสิทธิที่ควรจะได้รับ จำนวนทั้งสิ้น 241,491 ราย แบ่งเป็นเกษตรที่ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ จำนวน 223,036 ราย และเกษตรกรที่ได้รับเงินต่ำกว่า 15,000.00 บาท จำนวน 18,455 ราย
1.2.2 เกษตรกรได้รับเงินมากกว่า 15,000.00 บาท
จากการตรวจสอบข้อมูลผลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรทดแทนผู้เสียชีวิตที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการ จำนวน 4,870 ราย พบว่า มีเกษตรกรทดแทนผู้เสียชีวิตได้รับเงินช่วยเหลือรวมกับเกษตรกรผู้เสียชีวิต เป็นเงินมากกว่า 15,000.00 บาท จำนวน 521 ราย คิดเป็นเงินช่วยเหลือที่ได้รับเกินสิทธิ จำนวน 2.70 ล้านบาท
1.3 ผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือไม่เป็นบุคคลตามรายชื่อผู้มีสิทธิตามโครงการ
จากการตรวจสอบ พบว่า มีผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือเป็นบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุคคลตามรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตามโครงการตามที่หน่วยงานรับขึ้นทะเบียนแจ้งขอแก้ไขเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 33 ราย และทุกรายได้รับเงินตามโครงการ จำนวน 15,000.00 บาท รวมเป็นเงินช่วยเหลือตามโครงการ จำนวน 495,000.00 บาท
@ข้อตรวจพบที่ 2 การดำเนินโครงการยังไม่ทั่วถึงเกษตรกรผู้มีคุณสมบัติได้รับความช่วยเหลือ
จากการตรวจสอบ พบว่า มีเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ที่ไม่ซ้ำซ้อนกับบุคคลตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนดและไม่ได้รับสิทธิช่วยเหลือตามโครงการ จำนวน 165,819 ราย โดยเป็นบุคคลที่ยังคงมีสัญญาส่งอ้อยให้แก่โรงงานหรือหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อยของ สอน. ในระหว่างปีการผลิต พ.ศ. 2560 - 2563 จำนวน 75,497 ราย
@ข้อตรวจพบที่ 3 เงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติเกษตรกรที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ
จากการตรวจสอบ พบว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขจำกัดสิทธิในการเข้าร่วมโครงการเพื่อรับความช่วยเหลือจากโครงการให้ครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกประเภท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เนื่องจากได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการจากหน่วยงานของตนเองอยู่แล้ว
โดยกำหนดเงื่อนไขจำกัดสิทธิเฉพาะบุคคลที่ได้รับสิทธิสวัสดิการผ่านระบบข้าราชการของกรมบัญชีกลาง (ข้าราชการประจำและลูกจ้าง รวมถึงข้าราชการบำนาญ) เท่านั้น ยังไม่ครอบคลุมถึงข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการตุลาการข้าราชการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานองค์กรอื่นของรัฐที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการจ่ายตรงเงินเดือนและข้าราชการประจำของกรมบัญชีกลาง ซึ่งจากการตรวจสอบรัฐวิสาหกิจจำนวน 2 แห่ง พบว่ามีพนักงานและลูกจ้างได้รับเงินช่วยเหลือตามโครงการ จำนวน 2,625ราย คิดเป็นเงินช่วยเหลือทั้งหมด 39.375 ล้านบาท นอกจากนี้จากฐานข้อมูลเกษตรกรผู้ขอคืนสิทธิในการเข้าร่วมโครงการ จำนวน 382 ราย นั้นพบสาเหตุของการคืนสิทธิเนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวน 104 ราย (ร้อยละ 27.23)
การที่ผลการดำเนินโครงการไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนด โดยมีเกษตรกรที่ได้รับความช่วยเหลือตามโครงการบางส่วนมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่โครงการกำหนด ไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือได้รับการช่วยเหลือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการบางส่วนไม่ได้เป็นผู้ที่มีสิทธิตามโครงการ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือยังไม่ครอบคลุมเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายตามโครงการ ตลอดจนการกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติเกษตรกรที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการยังไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขจำกัดสิทธิในการเข้าร่วมโครงการให้ครอบคลุมถึงเจ้าหน้าที่รัฐทุกประเภท ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 บางส่วนไม่ได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนของตนเองและครอบครัว และเกิดการใช้จ่ายเงินงบประมาณไปโดยไม่สมควร จำนวน 228.985 ล้านบาท รวมทั้ง ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและเกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของคนในสังคมเพิ่มมากขึ้น
สาเหตุเกิดจากฐานข้อมูลเกษตรกรของหน่วยงานรับขึ้นทะเบียนยังมีข้อจำกัดในการนำมาใช้เป็นข้อมูลในการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการ แนวปฏิบัติในการตรวจสอบยืนยันตัวตนและความถูกต้องคุณสมบัติของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการไม่ชัดเจน กระบวนการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรขาดความละเอียด รอบคอบ และรัดกุมในการตรวจสอบหรือสอบทานความถูกต้องและความซ้ำซ้อนของข้อมูล ตลอดจนสิทธิที่เกษตรกรควรได้รับทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการดำเนินการจ่ายเงิน รวมทั้ง ขาดความละเอียด รอบคอบ และรัดกุมในการกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขคุณสมบัติของเกษตรกรที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ ตลอดจน ช่องทางการรับแจ้งเลขที่บัญชีมีเพียงช่องทางเดียว คือการแจ้งข้อมูลทางเว็บไซต์ www.เยียวยาเกษตรกร.com ส่งผลให้เกษตรกรรายที่ไม่มีความรู้หรือไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี ไม่ทราบถึงวิธีการและขั้นตอนในการแจ้งเลขที่บัญชี หรือไม่สามารถลงทะเบียนแจ้งเลขที่บัญชีเพื่อรับโอนเงินได้
@ข้อเสนอแนะ
ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มีข้อเสนอแนะให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการดังนี้
1. การดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีลักษณะเดียวกันในอนาคตที่นำข้อมูลทะเบียนเกษตรกรมาใช้ในการดำเนินงาน
1.1 กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการ ด้วยความละเอียด รอบคอบ รัดกุมโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ รวมทั้งความครอบคลุม ทั่วถึง และเป็นธรรมแก่เกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย
1.2 ให้ความสำคัญกับความถูกต้อง ครบถ้วนของข้อมูลที่ใช้ในการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรโดยกำหนดแนวปฏิบัติในการตรวจสอบยืนยันตัวตนและความถูกต้องคุณสมบัติของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการให้ชัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน รวมทั้งซักซ้อมความเข้าใจและกำชับหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
1.3 กำหนดให้มีมาตรการหรือแนวทาง และวิธีการในการป้องกัน ติดตามตรวจสอบความถูกต้อง และความซ้ำซ้อนของข้อมูล รวมถึงจำนวนเงินตามสิทธิที่เกษตรกรควรได้รับก่อนการจ่ายเงินด้วยความละเอียดรอบคอบอย่างเป็นระบบ
1.4 กำหนดช่องทางสำหรับให้เกษตรกรติดต่อหรือแจ้งข้อมูลต่าง ๆ โดยคำนึงถึงความหลากหลายของเกษตรกรที่มีหลายช่วงอายุวัย ความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยี และความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี เพื่อให้เกษตรกรเป้าหมายได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
2. สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบ พบว่า เป็นการจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่โครงการกำหนด และร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในการดำเนินการตามแนวทางที่กฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ หรือหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
3. ควรให้มีการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นฐานข้อมูลเดียวที่ทุกหน่วยงานสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ให้เกิดการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลอื่นที่จำเป็น และแก้ไขปรับปรุงช่องทางการรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรให้มีความหลากหลายทันสมัย และเข้าถึงได้ง่าย เพื่อความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับขึ้นทะเบียนในระดับพื้นที่ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อจัดทำแผนพัฒนาและมาตรการทางการเกษตรบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศการเกษตร และนำมาประกอบในการดำเนินโครงการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป