มีรายงานก่อนหน้านี้ ระบุถึงการติดเชื้อร่วมของสองสายพันธุ์หรือมากกว่า สำหรับไวรัส SARS-CoV-2 แต่ว่าเหตุการณ์นี้นั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะหายาก เพราะบ่อยครั้งแล้วไวรัสสายพันธุ์หนึ่งจะแข่งขันกับสายพันธุ์อื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นไวรัสโควิดสายพันธุ์อัลฟ่าเมื่อติดเชื้อร่วมกับโควิดสายพันธุ์เดลต้า ก็จะถูกเปลี่ยนให้เหลือเป็นแค่การติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าเป็นตัวเด่นแค่สายพันธุ์เดียว
จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ณ เวลานี้มีการพูดกันถึงคำว่า Twindemic หรือการระบาดร่วมกันของทั้งไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนและโควิดสายพันธุ์เดลต้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นเหตุทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลถึงความอันตรายของการผสมไวรัสดังกล่าว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงได้สืบค้นข้อมูลในต่างประเทศเกี่ยวกับประเด็นเรื่องของการรวมตัวกันของไวรัสดังกล่าวนี้ว่ามีความน่ากลัวมากน้อยแค่ไหน
จนพบข้อมูลของเว็บไซต์ IFLScience ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข่าวด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศอังกฤษที่รายงานข้อมูลว่าการผสมกันของไวรัสดังกล่าวนั้นอาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด โดยสำนักข่าวอิศราได้นำเอารายงานมานำเสนอ มีรายละเอียดดังนี้
ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ณ เวลานี้นั้นกำลังมีการระบาดอยู่ในหลายในหลายพื้นที่ทั่วโลก และอีกไม่นานนี้อาจจะมีแทนที่ไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่เราเคยรู้จักกันอย่างเช่นสายพันธุ์เดลต้าที่มีความอันตรายสูง และเนื่องจากว่าสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นยังคงมีการระบาดกันอยู่ ทำให้เกิดความกังวลกันว่าอาจจะมีการระบาดในเชิงคู่ขนานกันไป ซึ่งเป็นกรณีที่ประชากรนั้นมีการติดเชื้อโควิดทั้งสายพันธุ์เดลต้าและสายพันธุ์โอไมครอน ส่งผลทำให้เกิดสายพันธุ์ลูกผสมขึ้นมาใหม่ หรือที่เรียกกันว่าไวรัสกลายพันธุ์แบบซุปเปอร์ขึ้นมา
แต่ว่าความกังวลดังกล่าวนี้นั้นจะเป็นของจริงหรือไม่ ทางด้านเว็บไซต์ IFLScience ได้มีการไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งที่อธิบายว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่การติดเชื้อไวรัสโควิดทั้งสองสายพันธุ์นั้นจะทำให้เกิดไวรัสโควิดสายพันธุ์ลูกผสมขึ้นมา ซึ่งจากการสัมภาษณ์ก็พบว่าเรื่องนี้เป็นไปได้และเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้วกับไวรัส SARS-CoV-2 แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้นั้นไม่น่าที่จะเป็นไปได้ที่จะส่งผลทำให้ไวรัสมีความอันตรายมากขึ้น
โดยข้อกังวลนี้ปรากฏครั้งแรกหลังจากที่ นพ.พอล เบอร์ตัน หัวหน้าทีมแพทย์ของบริษัทโมเดอร์นาได้ให้ปากคำต่อหน้าคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของรัฐสภาอังกฤษเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่มีทั้งการติดเชื้อทั้งสายพันธุ์เดลต้าและสายพันธุ์โอไมครอนเป็นจำนวนมากในประเทศอังกฤษ
นพ.เบอร์ตันกล่าวต่อไปด้วยว่าพบหลักฐานจากประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นประเทศที่ปรากฎการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นครั้งแรก ว่ามีกรณีการระบาดของไวรัสทั้งสายพันธุ์ก็พบว่ามีกรณีที่มีผู้ซึ่งมีอาการภูมิคุ้มกันบกพร่องมีการติดเชื้อทั้งสองสายพันธุ์เช่นกัน
“นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดในประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจำนวนการติดเชื้อที่เราเห็น แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้มันเปิดโอกาสให้ไวรัสทั้งสองตัวนั้นทำในสิ่งที่เรียกว่ารวมตัวกันใหม่ โดยเจ้าไวรัสทั้งสองตัวนั้นสามารภที่จะเริ่มแบ่งปันและสลับยีนซึ่งกันและกันได้” นพ.เบอร์ตันกล่าว
นพ.พอล เบอร์ตัน หัวหน้าทีมแพทย์ของบริษัทโมเดอร์นา แสดงความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน และเชื่อว่าการฉีดวัคซีนเข็มสามหรือบูสเตอร์ของบริษัทว่าสามารถป้องกันความรุนแรงของไวรัสได้ (อ้างอิงวิดีโอจาก Sky News)
สำหรับสิ่งที่เรียกว่าการรวมพันธุกรรมนั้นก็คือการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมซึ่งกันและกันระหว่างไวรัส (หรือวัตถุมีชีวิตต่างๆที่มีความซับซ้อน) โดยทางทฤษฎีแล้วหากบุคคลที่ติดเชื้อไวรัสทั้งสองสายพันธุ์ ไวรัสนั้นสามารถแพร่เชื้อไปในเซลล์เดียวกันได้ ทำให้เกิดโอกาสที่ไวรัสทั้งสองจะปะปนและผสมจับคู่สารพันธุกรรม สิ่งนี้อาจทำให้เกิดสายพันธุ์ลูกผสมที่เกิดมาจากสารพันธุกรรมของทั้งสองสายพันธุ์ได้
ซึ่งแน่นอนว่านี่ถือว่าเป็นภัย อย่างไรก็ตามประเด็นนี้นั้นยังคงเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน ณ เวลานี้ โดยทาง นพ.เบอร์ตันได้เสนอว่าแม้จะเป็นข้อสันนิษฐาน แต่ก็ควรจะต้องนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน
“ดังนั้น ประเด็นทั้งเรื่องชีววิทยาของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ที่นำไปสู่เรื่องความกดดันเกี่ยวกับไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าด้วย ณ เวลานี้ มันก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องคิดในประเด็นเหล่านี้” นพ.เบอร์ตันกล่าว
อนึ่งก่อนหน้านี้นั้นเคยมีหลักฐานว่ามีไวรัส SARS-CoV-2 อันเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโควิด-19 นั้นได้ทำให้เกิดเหตุการณ์การรวมพันธุกรรมมาแล้ว
โดยกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือน ก.พ. 2564 ซึ่งในตอนนั้นนิตยสารด้านวิทยศาสตร์และเทคโนโลยีที่ชื่อว่า New Scientist ได้รายงานข่าวว่าทีมนักวิทยาศาสตร์พบหลักฐานว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์อัลฟ่าได้มีการแลกเปลี่ยนทางพันธุกรรมกับไวรัสโควิดสายพันธุ์เอปซิลอน ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และการแลกเปลี่ยนดังกล่าวก็ทำให้เกิดสายพันธุ์ลูกผสมขึ้นมา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตามมานั้นไม่ได้มีนัยยะสำคัญ และไวรัสโควิดสายพันธุ์ลูกผสมดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นไวรัสสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์แบบซุปเปอร์จนส่งผลไปถึงการระบาดหลักบนโลกแต่ประการใด
ความแตกต่างของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้ากับโควิดสายพันธุ์โอไมครอน (อ้างอิงวิดีโอจาก Global News)
“มีรายงานก่อนหน้านี้ ระบุถึงการติดเชื้อร่วมของสองสายพันธุ์หรือมากกว่า สำหรับไวรัส SARS-CoV-2 แต่ว่าเหตุการณ์นี้นั้นก็เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะหายาก เพราะบ่อยครั้งแล้วไวรัสสายพันธุ์หนึ่งจะแข่งขันกับสายพันธุ์อื่นๆ ยกตัวอย่างเช่นไวรัสโควิดสายพันธุ์อัลฟ่าเมื่อติดเชื้อร่วมกับโควิดสายพันธุ์เดลต้า ก็จะถูกเปลี่ยนให้เหลือเป็นแค่การติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าเป็นตัวเด่นแค่สายพันธุ์เดียว” นพ.ลอว์เรนซ์ ยัง นักไวรัสวิทยาและศาสตราจารย์ด้านเนื้องอกวิทยาที่วิทยาลัยแพทย์วอร์วิก มหาวิทยาลัยวอร์วิกกล่าวกับเว็บไซต์ IFLScience และกล่าวต่อไปว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการติดเชื้อร่วมกันนั้นจะส่งอิทธิพลไปถึงอาการของการเจ็บป่วย หรือการตอบสนองต่อการรักษาแต่อย่างใด
ดังนั้นจึงหมายความว่าคำว่าภัยจากการติดเชื้อคู่กันของไวรัสทั้งสองชนิดและไวรัสสายพันธุ์ลูกผสมนั้นอาจฟังดูเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่ต้องวิตกกังวลไป ณ เวลานี้
นพ.ยัง กล่าวต่อไปด้วยว่าการแพร่เชื้อที่เกิดจากการรวมของไวรัส SARS-CoV-2 นั้นเคยถูกตรวจพบมาแล้ว รวมถึงในประเทศอังกฤษด้วยเช่นกัน ซึ่ง ณ เวลานี้ประเทศอังกฤษมีจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับสูงทั้งสายพันธุ์เดลต้าและโอไมครอน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีการรวมตัวกันของไวรัสเกิดขึ้น จนนำไปสู่การที่คนใดคนหนึ่งจะติดเชื้อโควิดทั้งสองสายพันธุ์ แต่ทั้งนี้มันก็ยังมีกระบวนการเลือกและแพร่เชื้อด้วย ซึ่งไวรัสที่เกิดจากการรวมตัวกันดังกล่าวนั้นมันจะต้องมีการเพิ่มศักยภาพของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำให้มีการติดเชื้อและการทำสำเนาตัวเองที่มากขึ้นไปอีก
เรียบเรียงจาก:https://www.iflscience.com/health-and-medicine/dual-infections-of-delta-omicron-whats-the-risk/