“… การได้รับอิสรภาพในครั้งก่อนๆ ขวัญ (นามสมมติ) พยายามสมัครงานอยู่หลายแห่ง แต่เมื่อบริษัทต่างๆ เอาประวัติไปตรวจสอบและพบว่าเคยติดคุก ประกอบกับการที่ขวัญมีรอยสัก ซึ่งขวัญมองว่าเป็นศิลปะ คำตอบที่ได้รับจากบริษัทเหล่านั้นคือการปฏิเสธ เมื่อขวัญหางานทำไม่ได้ แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ทำให้ขวัญต้องกลับมาพัวพันอยู่ในจุดเดิม เพราะชีวิตไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่เริ่มต้นจากติดลบ…”
ผู้ต้องขังล้นเรือนจำ เป็นปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน โดยสถิติจำนวนผู้ต้องขังระหว่างปี 2553-2563 ของ กรมราชฑัณฑ์ แสดงให้เห็นว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปี 2553 จำนวน 102,222 คน เพิ่มขึ้นในปี 2563 เป็น 356,521 คน ขณะที่ในปี 2555-2564 มีการปล่อยตัวนักโทษในภาพรวมเท่าๆ กับการรับตัวนักโทษ
แต่ในจำนวนผู้ต้องขังที่ได้รับปล่อยตัว กลับพบว่ามีจำนวนผู้ต้องขังในปีงบประมาณ 2556-2563 กลับมากระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปีมีค่าเฉลี่ยสูงกว่า 30% หรือกว่า 30,000 คนต่อปี โดย นพ.อภินันท์ อร่ามรัตน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงในการก่อเหตุซ้ำว่า มาจากปัญหาสารเสพติด ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาของกลุ่มเพื่อนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง การว่างงาน ปัญหาครอบครัว และปัญหาเศรษฐานะ
ซึ่งขวัญ (นามสมมติ) หนึ่งในอดีตผู้ต้องขังที่เคยก้าวพลาด เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า การกลับสู่โลกภายนอกไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อไม่มีเงิน ไม่มีอาชีพ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม โดยเฉพาะการเป็น ‘คนรอบ’ หรือผู้กระทำความผิดซ้ำ
ขวัญ เล่าให้ฟังถึงวินาทีแรกที่เดินออกมาจากรั้วเรือนจำว่า เคว้ง ครั้งนี้คือครั้งที่ 4 ของการกลับคืนสู่อิสรภาพ พร้อมเงินติดตัวเพียง 2,000-3,000 บาท ที่ได้จากการเก็บหอมรอมริบจากการทำงานข้างใน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่แตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะขวัญตั้งใจว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และไม่หันกลับไปใช้ชีวิตในสถานที่ที่ตัวเองเรียกว่า ‘โรงเรียน’ ไม่ใช่คุก
การเข้าๆออกๆ สถานที่ดังกล่าวของขวัญ เริ่มต้นตั้งแต่วัย 16 ปี หลังพบกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งและก้าวเข้าสู่วงการค้ายา ค้าอาวุธ จากคดีเสพยา ไปสู่การจำหน่ายยาเสพติด แม้ว่าโทษจะหนักขึ้น แต่ทุกครั้งที่ออกมาจะกลับไปหาเพื่อนกลุ่มนี้เสมอ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป ขวัญมุ่งหน้าไปยังโบสถ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตัวเองรู้สึกว่าปลอดภัยและมีคนรับฟัง
ส่วนสาเหตุที่ขวัญยังไม่เลือกกลับบ้าน เพราะในความคิดของคนที่เคยติดคุกนานๆ แล้วกลับไป ไม่ใช่เราออกมาค่ายแล้วกลับไปอยู่บ้าน ตรงนี้มีความกดดันและความอึดอัดอยู่ ประกอบกับการมีจุดแตกหักในครอบครัวในช่วงวัยรุ่นที่ผ่านมา จึงทำได้เพียงคอยยืนมองอยู่ห่างๆ แต่ยังไม่กล้ากลับเข้าไป
สำหรับจุดแตกหักของขวัญในความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว เริ่มต้นมาจากการอยากเรียนใน ‘โรงเรียนเพาะช่าง’ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสานฝันความชอบของตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่ครอบครัวปฏิเสธ เพราะพี่ชายคนโตให้เหตุผลว่าสิ่งที่ขวัญชอบไม่สามารถเป็นอาชีพที่หาเลี้ยงตัวเองได้ และอยากให้ขวัญมาดูแลร้านข้าวแกงของแม่ต่อ
แม้ว่าขวัญจะชอบทำอาหาร แต่การได้เรียนศิลปะก็เป็นสิ่งที่ขวัญชอบและอยากให้ครอบครัวยอมรับเหมือนกัน เหตุการณ์นี้ทำให้ขวัญตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนมัธยมตอนต้นกลางคันพร้อมเก็บข้าวของออกจากบ้านย้ายไปอยู่อาศัยกับแก๊งเพื่อน ที่ขวัญไม่เคยรู้ว่าจะได้เปลี่ยนชีวิตของตัวเองไปตลอดกาล
“พอไปเจอเพื่อนกลุ่มนี้ เราก็เข้าสู่วงการค้ายา เอาทุกอย่าง พออายุ 17 ปี เจอจับกุมคดีเสพยาเสพติด ติดอยู่ไม่ถึงปี หลังจากนั้นพอออกมาก็ยังโคจรอยู่กับเพื่อนกลุ่มนี้ เป็นแบบนี้อยู่ด้วยกันราว 3 ครั้ง พออายุ 21 ปี เราก็โดนจับคดีจำหน่ายยาเสพติด ตรงนี้พลิกชีวิตเราเลย” ขวัญ เล่าให้ฟัง
‘อดีตคนรอบ’ เปิดใจทำผิดซ้ำ เหตุไร้งานแต่ชีวิตยังต้องเดินต่อ
การได้รับอิสรภาพในครั้งก่อนๆ ขวัญพยายามสมัครงานอยู่หลายแห่ง แต่เมื่อบริษัทต่างๆ เอาประวัติไปตรวจสอบและพบว่าเคยติดคุก ประกอบกับการที่ขวัญมีรอยสัก ซึ่งขวัญมองว่าเป็นศิลปะ คำตอบที่ได้รับจากบริษัทเหล่านั้นคือการปฏิเสธ เมื่อขวัญหางานทำไม่ได้ แต่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ทำให้ขวัญต้องกลับมาพัวพันอยู่ในจุดเดิม เพราะชีวิตไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่เริ่มต้นจากติดลบ
จากคดีผู้เสพยา กลายเป็นผู้จำหน่าย โทษที่หนักขึ้นทำให้ขวัญต้องติดอยู่ในพื้นที่ไร้อิสรภาพนาน 3 ปี 9 เดือน ระหว่างที่อยู่ในนั้นสิ่งที่ขวัญกลัวที่สุดคือความสูญเสีย เพราะขวัญเคยสูญเสียแม่ตอนที่ถูกจับครั้งแรก ตลอดการใช้ชีวิตในช่วงดังกล่าวขวัญหวังเพียงการมีลมหายใจของคนที่ขวัญรัก
อย่างไรก็ตามระหว่างทางเดินของขวัญ ขวัญได้ดูแลผู้สูงอายุภายในสถานที่นั้น สิ่งนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ขวัญคิดไม่อยากหวนคืนสู่เส้นทางเดิม เพราะ 'ไม่อยากแก่ในคุก' โดยที่ไม่มีลูกหลานเข้ามาดูแล ขวัญจึงหันมาเรียนรู้จนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย ขณะเดียวกันก็รับหน้าที่ช่วยเจ้าหน้าที่ข้างใน เก็บเงินปันผลจนมีเงินเก็บ 2,000-3,000 บาท เตรียมตัวออกจากโรงเรียนแห่งนี้
‘โอกาส’พลิกชีวิต ตั้งต้นใหม่เป็นเจ้าของร้านอาหาร
แต่การก้าวออกมาอีกครั้ง ยังคงเป็นเรื่องยาก ยังไม่มีบริษัทไหนรับขวัญเข้าทำงาน และยังต้องเผชิญกับการเพ่งเล็งจากตำรวจที่ยังคอยเรียกเข้าไปตรวจสอบสารเสพติดอยู่บ่อยครั้งนาน 2-3 เดือน กระทั่งขวัญได้เจอโครงการ Hygiene Street Food สร้างโอกาส โครงการที่จัดขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้พ้นโทษได้มีอาชีพ ซึ่งขวัญ เปิดใจว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้รับโอกาสตรงนี้ เพราะสำหรับ ‘คนรอบ’ น้อยครั้งที่จะได้รับโอกาส
โอกาสนี้ ทำให้ขวัญได้ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งย่านบางขุนนนท์ 27 ซึ่งเป็นอาชีพที่เราได้สัมผัสมาตั้งแต่เด็ก และได้เรียนรู้การทำอาหารมาจากแม่ เราเลยรู้ว่าตรงนี้คือทางของเรา แล้วเราก็ชอบฟิวชันอาหาร ชอบให้เพื่อนได้ลองชิมเมนูใหม่ๆ อยู่แล้ว
การได้เปิดร้านอาหารตามสั่ง เป็นสิ่งที่ขวัญประทับใจที่สุด เพราะไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีวันนี้ และหากบวกลบกำไรต่อวันแล้ว ตอนนี้มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน ตกวันละ 1,000 บาท
“ที่เราทำวันนี้ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพื่อคนอื่นด้วย เราอยากทำบ้านเพื่อช่วยเหลือคนที่อยากจะกลับตัวจริงๆ แบบเรา เพราะเราเชื่อว่า การให้เงินอาจเสี่ยง สู้คุณให้อาชีพดีกว่า ถ้าหางานทำไม่ได้ เขาอาจไม่มีทางเลือกต้องกลับไปทำแบบเดิม” ขวัญ กล่าว
ผ่านมาแล้วราว 2 สัปดาห์ที่ขวัญเปิดร้านอาหารตามสั่ง ช่วงแรกมีบ้างที่มีคนมาสบประมาท แต่เราเลือกที่จะอดทน เพราะตัวเองไม่สามารถห้ามคำพูดใครได้และเราเองที่เป็นคนรู้จักตัวเองดีที่สุด เราจึงอยากใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ และเมื่อไม่นานมานี้ พ่อและพี่ชายก็เดินผ่านแถวร้านเรา มามองหาเราบ้าง แม้เราจะไม่ได้พูดคุย รักใคร่กันเหมือนเมื่อก่อน แต่เราก็รับรู้ได้ว่าเขายังนึกถึงเรา
ทั้งนี้การเริ่มต้นใหม่โดยที่มีต้นทุนติดลบอาจต้องใช้เวลา และความพยายาม ขวัญฝากทิ้งท้ายว่า ถึงใครที่กำลังออกมาสู่โลกภายนอก และรู้สึกเคว้ง หมดกำลังใจ ขอให้อดทนและมองหาโอกาสเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ พร้อมฝากถึงสังคมว่าอยากให้ลองเปิดใจและให้โอกาสอดีตผู้ต้องขังในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะเชื่อว่าหลายคนคงไม่อยากกลับไปอยู่ในสถานที่ที่ถูกจำกัดอิสรภาพอีกครั้ง
หากมองปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการกระทำผิด ล้วนมาจากปัญหาปากท้อง หรือเรื่องราวฝังใจในอดีต สารเสพติดเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น โอกาสนับเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้อดีตผู้ก้าวพลาดได้ตั้งต้นชีวิตใหม่แบบขวัญ แต่จะมีคนรอบอีกกี่คนที่จะโชคดีและได้รับโอกาสเหล่านี้
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage