"...ทั้งนี้ ทุกคดีที่กล่าวไป คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีการประชุมลงมติไม่เห็นพ้องหรือไม่เห็นชอบ กับอสส. ที่จะไม่อุทธรณ์หรือฏีกาคำพิพากษาคดีต่อ การต่อสู้คดีในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ จึงน่าจะยังคงต้องดำเนินการต่อไป..."
ในรอบเดือนสิงหาคม 2564 - 30 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชัน ของผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา และส่งสำนวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ดำเนินการฟ้องร้องคดีต่อศาลทุจริตจำนวนหลายคดี
ซึ่งสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ทยอยนำข้อมูลมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องไปแล้วนั้น
มีข้อมูลในส่วนของคดีที่ศาลตัดสินยกฟ้อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในข้อกล่าวหาการทุจริตรวมอยู่ด้วย จำนวน 4 คดี
แยกเป็นคดี อดีตนายก อบต. จำนวน 1 ราย คดีนายกเทศมนตรี จำนวน 3 ราย สู้คดีในศาลชั้นต้น 2 คดี และศาลอุทธรณ์ 2 คดี
มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รายแรก.
นายวิรัตน์ อ้วนสอาด เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังดิน อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์
ข้อกล่าวหา ขยายเวลาทำงานตามสัญญาโครงการขุดลอกหน้าอ่างเก็บน้ำห้วยสว่างใจ หมู่ที่ 7 โดยมิชอบ และจัดจ้างโครงการแก้มลิงห้วยสว่าง โดยวิธีพิเศษโดยมิชอบ
ถูก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 กรกฏาคม 2561
ล่าสุด เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 พิพากษายกฟ้อง
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2564 มีมติไม่เห็นพ้องในกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6
รายสอง.
นายณรงค์เดช สุระเสียง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลบ่อพลับ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
ข้อกล่าวหา กีดกันมิให้ซื้อเอกสารสอบราคาโครงการกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV พร้อมกับให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดตอบแทน
ถูก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 151 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 7 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษายกฟ้อง
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติไม่เห็นชอบกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
รายสาม.
นายบุญช่วย ศิลาไลย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลพลับพลาชัย จังหวัดบุรีรัมย์ กับพวก 2 ราย คือ นายสมชาย เสกรัมย์ และนายสำรวย คะชุนรัมย์
ข้อกล่าวหา ขุดลอกลำห้วยพลับพลารุกล้ำที่ดินมีโฉนดโดยมิได้ขอความยินยอมจากเจ้าของที่ดิน และเป็นการขุดลำห้วยใหม่มิใช่ขุดลอกล้ำห้วยเดิม
ถูก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 157 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2558
ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2564 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง ตามคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติไม่เห็นพ้องด้วยในกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
รายสี่.
นายสัมฤทธิ์ คงชนะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลทะเลทรัพย์ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร กับพวก 2 ราย คือ นางสาวสุพรทิพย์ บำรุงชู และนางสาวสุภาพร ขาวชำนาญ
ข้อกล่าวหา ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กเข้าบ้านหัวคะแนน โดยมิชอบ
ถูก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 151 และ 157 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2562
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนยกฟ้อง ตามคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2564 มีมติไม่เห็นชอบกรณีที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
***************
ทั้งนี้ ทุกคดีที่กล่าวไป คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ มีการประชุมลงมติไม่เห็นพ้องหรือไม่เห็นชอบ กับอสส. ที่จะไม่อุทธรณ์หรือฏีกาคำพิพากษาคดีต่อ
การต่อสู้คดีในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ จึงน่าจะยังคงต้องดำเนินการต่อไป
บทสรุปสุดท้าย ผลเป็นอย่างไรต้องติดตามดูกันต่อไป แบบห้ามกระพริบตาโดยเด็ดขาด