“...ต่อมามีการแต่งตั้งอธิบดีอัยการภาค 6 คนใหม่ ผู้ต้องหารายนี้ได้ร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้ง โดยคราวนี้มีหนังสือจากสำนักงาน อสส. แจ้งผู้ต้องหารายนี้ว่า สำนักงาน อสส. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมต่อไป พร้อมกับส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการภาค 6 หากอธิบดีอัยการภาค 6 มีความเห็นอย่างไรให้ส่งเรื่องกลับมายังสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด พิจารณา และเสนอรอง อสส. พิจารณามีคำสั่ง…”
...................................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้วว่า ประเด็นการดำเนินคดีผู้ต้องหา ถูกกล่าวหาบุกรุกป่าในพื้นที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ มีอัยการระดับสูงรายหนึ่งในสำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงาน อสส.) โทรศัพท์สั่งการให้อัยการระดับสูงในสำนักงานอัยการภาค 6 สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหารายนี้ ที่ยื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามา โดยผู้ต้องหารายนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับอัยการระดับสูงรายดังกล่าว ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในสำนักงาน อสส. ว่า อาจกลายเป็นเหมือน ‘คดีบอส’ อีกครั้ง และทำให้อัยการที่เกี่ยวข้องต้องมาเดือดร้อนและรับเคราะห์แทน (อ่านประกอบ : หวั่นเป็นคดีบอส 2! ‘บิ๊กอัยการ’ล็อบบี้สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีรุกป่า จ.เพชรบูรณ์)
มาไล่เรียงที่มาที่ไปคดีดังกล่าวกันว่าเป็นอย่างไร?
คดีนี้มีผู้ต้องหา 2 ราย ถูกกล่าวหาว่า เข้าร่วมกันก่นสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อมาอัยการจังหวัดหล่มสักมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย โดยรายหนึ่งเข้ามอบตัว และรับสารภาพในชั้นศาล เมื่อปี 2558 ศาลพิพากษาลงโทษผู้ต้องหารายนี้ไปแล้ว
อย่างไรก็ดีผู้ต้องหาอีกราย ไม่ได้เข้ามอบตัว แต่กลับยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมกับอธิบดีอัยการภาค 6 (ขณะนั้น) และสำนักงาน อสส. โดยเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 นายสมพงศ์ เย็นแก้ว อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการภาค 6 ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีอัยการภาค 6 มีหนังสือตอบกลับผู้ต้องหารายดังกล่าวว่า อสส. มีคำสั่งยุติเรื่องขอความเป็นธรรม
ต่อมามีการแต่งตั้งอธิบดีอัยการภาค 6 คนใหม่ ผู้ต้องหารายนี้ได้ร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้ง โดยคราวนี้มีหนังสือจากสำนักงาน อสส. แจ้งผู้ต้องหารายนี้ว่า สำนักงาน อสส. ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาให้ความเป็นธรรมต่อไป พร้อมกับส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการภาค 6 หากอธิบดีอัยการภาค 6 มีความเห็นอย่างไรให้ส่งเรื่องกลับมายังสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด พิจารณา และเสนอรอง อสส. พิจารณามีคำสั่ง
หลังจากนั้นสำนักงานอัยการภาค 6 ได้ส่งเรื่องให้อัยการจังหวัดหล่มสักพิจารณา ต่อมาเมื่อเดือน ก.ค. 2564 อัยการจังหวัดหล่มสักให้พนักงานสอบสวน สอบสวนเพิ่มเติมแล้วเสร็จ จึงส่งสำนวนคดีนี้ไปยังอธิบดีอัยการภาค 6 เพื่อพิจารณาต่อ ปัจจุบันเรื่องนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
โดยในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงตัวอธิบดีอัยการภาค 6 นี่เอง ที่มีกระแสข่าวสะพัดว่า อัยการระดับสูงในสำนักงาน อสส. โทรศัพท์มาล็อบบี้สั่งการให้อัยการระดับสูงในสำนักงานอัยการภาค 6 สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหารายดังกล่าว
ขณะที่มีรายงานว่า ผู้ต้องหารายนี้ มีความสัมพันธ์อันดีกับอัยการระดับสูงในสำนักงาน อสส. ดังกล่าวด้วย?
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2564 สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) โทรศัพท์ติดต่อไปยังนายพิทย์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีอัยการภาค 6 เพื่อสอบถามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว อย่างไรก็ดีนายพิทย์ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล
ทั้งหมดคือข้อมูลที่มาที่ไปเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ก่อนที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นวงการอัยการอยู่ตอนนี้ว่า การกระทำของอัยการระดับสูงในสำนักงาน อสส. อาจทำให้เกิดกรณีแบบ ‘คดีบอส’ ขึ้นมา และทำให้สังคมเกิดวิกฤติศรัทธากับแวดวง ‘ทนายแผ่นดิน’ ขึ้นอีกครั้ง?
อ่านประกอบ : หวั่นเป็นคดีบอส 2! ‘บิ๊กอัยการ’ล็อบบี้สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีรุกป่า จ.เพชรบูรณ์
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/