“...ถ้าคุณเริ่มที่จะผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่างๆในขณะที่ยังมีการระบาดอยู่ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นก็คือการเร่งการระบาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับกรณีที่สายพันธุ์อย่างเช่นเดลต้ากลายมาเป็นสายพันธุ์หลัก มันก็จะกลายเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาควบคุมมันได้อีก เพราะคุณจะต้องอาศัยมาตรการการจำกัดเชื้ออย่างเข้มข้นเพื่อจะกักกันการระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าว ซึ่งไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมได้เลย...”
...............
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัส ที่กลับมาระบาดในหลายประเทศทั่วโลกอันเนื่องมาจากการกลายพันธุ์ของไวรัส อย่างเช่นสายพันธุ์เดลต้าที่มีการระบาดอย่างมากในปัจจุบัน
ล่าสุด สำนักข่าวเอ็นบีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้จัดทำรายงานข่าวเกี่ยวกับความเสี่ยงของหลายประเทศที่อาจจะเข้าสู่สภาวะการใช้มาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นกันอีกครั้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) แปลและเรียบเรียงข้อมูลมาเสนอ ณ ที่นี้
สืบเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าซึ่งถูกพบที่ประเทศอินเดียครั้งแรก ส่งผลทำให้ไวรัสมีการแพร่กระจายไปได้รวดเร็วกว่าเดิมทั่วโลก ในขณะที่หลายประเทศกำลังแข่งขันกับเวลาที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชากรของประเทศ เพื่อที่จะสามารถดำเนินการเปิดภาคส่วนเศรษฐกิจหลังจากที่ต้องอยู่ในภาวะปิดเมืองมานาน
อาทิ สหรัฐอเมริกาและหลายประเทศต่างๆในภูมิภาคยุโรปตะวันตกกำลังทยอยผ่อนคลายข้อจำกัดทางสังคม เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศที่คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคได้เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลง
โดยฝรั่งเศสได้มีการยกเลิกมาตรการที่เข้มงวดลงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้ประเทศได้กลับไปสู่บรรยากาศที่ใกล้เคียงกับคำว่าปกติให้มากที่สุด จึงได้มีการยกเลิกมาตรการควบคุมโรคที่โรงภาพยนตร์ โรงละคน พิพิธภัณฑ์ และสถานที่ชมการแข่งขันกีฬาต่างๆ ควบคู่ไปกับการเปิดร้านอาหารให้นั่งได้เต็มอัตรา ซึ่งการดำเนินงานของฝรั่งเศสดังกล่าวก็เพื่อต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยวก่อนเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ที่จะจัดขึ้นในเดือน ก.ค.นี้
ขณะที่ ออสเตรีย ได้มีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเข้าประเทศได้นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นมา ส่วนที่อังกฤษ รัฐมนตรีสาธารณสุขคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้บอกใบ้เป็นนัยว่าอาจจะมีการยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงกลางเดือน ก.ค. แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มหนุ่มสาวที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ดี พญ.ดีปติ กุรดาซานี (Deepti Gurdasani) นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยควีนส์แมรี่ กรุงลอนดอน จะออกประกาศเตือนว่า ประชากรในกลุ่มประเทศร่ำรวยที่ประสบความสำเร็จในด้านการฉีดวัคซีนนั้นไม่ควรจะผ่อนคลายมากจนเกินไปนัก
พญ.ดีปติ กุรดาซานี กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า (อ้างอิงวิดีโอจาก Citizens TV)
“ถ้าคุณเริ่มที่จะผ่อนคลายมาตรการจำกัดต่างๆในขณะที่ยังมีการระบาดอยู่ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นั้นก็คือการเร่งการระบาดให้มากขึ้น โดยเฉพาะกับกรณีที่สายพันธุ์อย่างเช่นเดลต้ากลายมาเป็นสายพันธุ์หลัก มันก็จะกลายเป็นเรื่องยากที่จะกลับมาควบคุมมันได้อีก เพราะคุณจะต้องอาศัยมาตรการการจำกัดเชื้ออย่างเข้มข้นเพื่อจะกักกันการระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าว ซึ่งไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมได้เลย” พญ.กุรดาซานี กล่าวกับสำนักข่าวเอ็นบีซี
พญ.กุรดาซานี กล่าวต่อไปว่า ในเมื่ออีกหลายพื้นที่บนโลกนั้นยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ก็มีความเป็นไปได้ตลอดที่จะเกิดสายพันธุ์โควิดใหม่ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ต้านวัคซีนได้เกิดขึ้นมาโดยตลอด
ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญหลายคน ได้ออกมาเตือนเช่นกันโดยเฉพาะในกรณีฝรั่งเศส ที่แม้จะมีการฉีดวัคซีนไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดสในกลุ่มประชากรร้อยละ40 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝรั่งเศสจะถูกยกเว้นจากการระบาดใหม่อีกระลอก ที่จะมาจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า
นพ.ฌอง-ฟรองซัวส์ เดลฟรอยส์ซี (Jean-François Delfraissy) หัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลฝรั่งเศส ได้ออกมาเตือนเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ว่า ฝรั่งเศสนั้นอาจเผชิญกับการระบาดของไวรัสโควิดเป็นระลอกที่ 4 ก็เป็นได้ ซึ่งมีที่มาจากไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า ซึ่งขณะนี้มีการระบาดในประเทศจำนวนร้อยละ 20 แล้ว ซึ่งถ้าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นมา ทางกระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศสอาจจะต้องกลับไปใช้การกำหนดข้อจำกัดในระดับภูมิภาคก็เป็นได้
ด้านออสเตรเลียที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมโรคเพราะมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมแค่ 30,000 ราย และผู้เสียชีวิตจากไวรัสแค่ 910 รายเท่านั้นนับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส ก็ได้ประกาศขยายการใช้มาตรการปิดเมืองและการเว้นระยะห่างทางสังคมแล้วในสัปดาห์นี้ ควบคู่ไปกับการประกาศใช้มาตรการปิดเมืองอย่างเข้มข้นใน 4 เมืองใหญ่ของประเทศ เพื่อที่จะควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า
รายงานการพบผู้ติดเชื้อไวร้สโควิดสายพันธุ์เดลต้าในประเทศออสเตรเลีย ที่มาจากประเทศบังกลาเทศ (อ้างอิงวิดีโอจาก CBC News)
โดย ณ เวลานี้มีประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของออสเตรเลียถูกสั่งให้อยู่บ้าน ขณะที่อีกหลายล้านคนยังคงต้องอยู่ภายใต้การจำกัดการเคลื่อนไหว และมีการบังคับให้สวมใส่หน้ากาก ควบคู่ไปกับรายงานการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อในซิดนีย์,เพิร์ธ,บริสเบน,และดาร์วิน
มีรายงานข่าวว่า ที่ผ่านมานั้นการมีแผนงานติดตามการติดเชื้ออย่างรวดเร็วควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบของชุมชนท้องถิ่นถือเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ออสเตรเลียสามารถระงับการระบาดได้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีประชากรกลุ่มผู้ใหญ่ได้ฉีดวัคซีนแค่เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น จากจำนวนประชากรทั้งหมด 20 ล้านคน ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับแผนการฉีดวัคซีนระดับชาติของออสเตรเลียว่ามีความซบเซาเกินไป
“ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งที่ว่าไวรัสโควิดเดลต้านั้นได้กระทบต่อหลายประเทศ แม้แต่ประเทศที่มีนโยบายควบคุมโรคอย่างเข้มแข็งก็ตาม ซึ่งหนทางเดียวที่จะควบคุมไวรัสนี้ได้ก็คือการกักกันการส่งต่อเชื้อในระดับโลก ทั้งโลกนั้นจะต้องมีการทำงานอย่างสอดประสานกัน หรือไม่เราก็จะต้องมีไวรัสที่คอยปรับตัวอยู่เรื่อยๆ” พญ.กุรดาซานีกล่าว
ขณะที่รัสเซียเอง มีตัวเลขรายงานผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 672 คน ในช่วงวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นจำนวนการเสียชีวิตรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่การระบาดเกิดขึ้นมา ซึ่งทางการรัสเซียได้กล่าวโทษว่าเป็นเพราะว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า ทำให้กรุงมอสโกต้องเร่งผลักดันประชาชนที่ยังมีความลังเลอยู่ให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว
ส่วนที่เกาหลีใต้ที่เคยมีรายงานความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาด รัฐบาลเกาหลีใต้เองก็กำลังจะประเทศใช้มาตรการการควบคุมต่อไป โดยทางการเกาหลีใต้ได้ออกมาระบุว่า พวกเขาจะต้องชะลอการผ่อนปรนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมออกไปก่อน ทั้งในพื้นที่กรุงโซลและพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากพบการเพิ่มอย่างฉับพลันของผู้ติดเชื้อเช่นกัน
ล่าสุดมีรายงานว่าเกาหลีใต้นั้นได้มีการฉีดวัคซีนโควิดไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งโดส กับประชากรจำนวนร้อยละ 30 จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคน
ขณะที่ญี่ปุ่นที่กำลังจะเป็นเจ้าภาพในการจัดกีฬาโอลิมปิกในช่วงวันที่ 23 ก.ค.นี้ ก็กำลังมีการพิจารณาการขยายมาตรการกึ่งสถานการณ์ฉุกเฉินที่กรุงโตเกียว ซึ่งจากเดิมจะมีกำหนดยกเลิกมาตรการดังกล่าวในวันที่ 12 ก.ค. หลังพบตัวเลขการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกับอินโดนีเซีย นายโจโค วิโดโด้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเองได้ออกมากล่าวยืนยันว่า จะต้องมีการพิจารณาเรื่องข้อจำกัดทางสังคม ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น
หมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น (อ้างอิงวิดีโอจาก Wall Street Journal)
หรือแม้แต่ประเทศที่มีความลึกลับอย่างเกาหลีเหนือที่ไม่เคยจะเปิดเผยหรือยืนยันข้อมูลการมีอยู่ของผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศเลย ทางด้านนายคิมจองอุน ผู้นำเกาหลีเหนือได้มีการลงโทษสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือไปแล้ว โทษฐานที่ล้มเหลวในการจัดการกับโรคระบาด
โดยนายคิม กล่าวผ่านสื่อทางการว่า ความล้มเหลวดังกล่าวนั้นนำมาสู่วิกฤติครั้งใหญ่ของประเทศ
ส่วนที่ภูมิภาคตะวันออกกลางมีรายงานว่า พบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นของสายพันธุ์เดลต้า โดยเฉพาะที่อิรักและตูนิเซีย หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อนมีรายงานการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่อิสราเอล ส่งผลทำให้ทั้งประเทศต้องกลับมาใช้มาตรการการใส่หน้ากากกันอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งการแพร่กระจายของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าดังกล่าวนี้นั้น ทำให้เหล่าบรรดาผู้นำโลกต่างกดดันให้มีการจัดส่งวัคซีนไปยังหลายประเทศที่ไม่มีวัคซีนเป็นจำนวนเพียงพอมากขึ้นเรื่อยๆ ในการรับมือกับไวรัส
อาทิ ในการประชุมกลุ่มผู้นำประเทศจี 20 แบบเห็นหน้าเป็นครั้งแรกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางด้านของรัฐมนตรีหลายชาติมีความเห็นตรงกันว่าจะต้องมีการร่วมมือกันระหว่างประเทศมากกว่านี้ในการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดและเพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น
โดยนายแอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการส่งวัคซีนจำนวนมากไปยังประเทศที่ยากจน ซึ่งประเทศเหล่านี้นั้นได้รับปริมาณวัคซีนน้อยกว่าประเทศที่ร่ำรวยมาก
เพราะเชื่อว่าการทำเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถยุติการระบาดลงได้
เรียบเรียงเนื้อหาจาก:https://www.nbcnews.com/news/world/delta-variant-threatens-plans-lift-pandemic-restrictions-across-world-n1272687
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/