เครือซีพี - ซีพีเอฟ - มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ร่วม JCC มอบ “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน“ โรงเรียนที่ 988
ผนึกพลังเครือข่ายความดี ร่วมสร้างความมั่นคงด้านอาหารปลอดภัย เพิ่มโปรตีนไข่ไก่คุณภาพ สร้างโภชนาการแก่เด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลต่อเนื่อง ปีที่ 36
เครือเจริญโภคภัณฑ์ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมกับ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCCB) ส่งมอบ “โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” มุ่งเสริมสร้างภาวะโภชนาการที่ดีแก่เด็กนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ผ่านการสร้างแหล่งโปรตีนคุณภาพให้แก่โรงเรียนและชุมชน พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเลี้ยงไก่ไข่ เพื่อเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางอาชีพให้แก่เยาวชน
โดยมี นายสุคนธ์ หนูภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายฮิโรยาสุ ซาโต้ รองประธานหอการค้าญี่ปุ่น และประธานส่วนการศึกษา คณะกรรมการฝ่ายความช่วยเหลือสังคม นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท นายวราราชย์ เรืองศรี ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ผู้แทนรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ซีพีเอฟ เเละ ดร.สุชาดา ลิ่มสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 พร้อมคณะครูและนักเรียน ณ โรงเรียนบ้านคลองชะอุ่น อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี
นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท กล่าวว่า โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เครือซีพี ซีพีเอฟ มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และ JCCB ยังคงมุ่งเสริมสร้างภาวะโภชนาการที่ดีแก่นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลา 36 ปี ในการดำเนินโครงการเลี้ยฯ มีโรงเรียนเข้าร่วมทั้งสิ้น 988 แห่งทั่วประเทศ ส่งผลให้นักเรียนกว่า 232,000 คน และครู 16,500 คน ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน เป็น Action Learning Base และพัฒนาต่อยอดการเรียนรู้ไปสู่ชุมชน ให้ทั้งนักเรียนและชุมชนได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง เสริมสร้างทักษะทางอาชีพรอบด้าน ทั้งการเลี้ยงสัตว์ การบริหารจัดการ การจัดทำบัญชี การขายและการตลาด การแปรรูปอาหารเพิ่มมูลค่า ตลอดจนพัฒนาต่อยอดเป็นกิจการเพื่อสังคมได้อย่างยั่งยืน (Social Enterprise)
นายฮิโรยาสุ ซาโต้ รองประธานหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ กล่าวเสริมว่า JCCB ร่วมมือกับ เครือซีพี ซีพีเอฟ และมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 ขยายโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง รวม 150 โรงเรียนครอบคลุมทั่วประเทศ โดยในปีนี้ได้คัดเลือกโรงเรียนในพื้นที่ภาคใต้และภาคเหนือรวม 4 แห่งเข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ โรงเรียนบ้านคลองชะอุ่น จ.สุราษฎร์ธานี, โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเทคนิคดุสิต, โรงเรียนบ้านผาแดงหลวง และศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกุ๊ก จ.เชียงราย ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปัญหาทุพโภชนาการ ยังส่งเสริมความสามารถในการพึ่งพาตนเองของโรงเรียนและชุมชนอีกด้วย
ด้าน นายวราราชย์ เรืองศรี ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟมุ่งสนับสนุนมูลนิธิฯ ผ่านการสนับสนุนงบประมาณและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่และการบริหารจัดการผลผลิตในโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายให้โรงเรียนสามารถดำเนินงานได้อย่างยั่งยืน พร้อมยกระดับสุขภาพเด็กและเยาวชนไทยผ่านการบริโภคโปรตีนคุณภาพจากไข่ไก่ ต่อยอดสู่การเป็นต้นแบบให้โรงเรียนอื่นๆ ในอนาคต
ส่วน นางสาวศุภวรรณ พละเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านคลองชะอุ่น กล่าวว่า โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวัน สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียน โดยเฉพาะด้านโภชนาการ ซึ่งช่วยให้นักเรียนมีแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพและเพียงพอ ส่งผลให้มีสุขภาพที่ดี มีความพร้อมในการเรียนรู้ และโครงการฯ ยังช่วยส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง พร้อมการบูรณาการองค์ความรู้สู่การเรียนการสอน ซึ่งถือเป็นประโยชน์เชิงคุณภาพที่มีคุณค่ายิ่ง
“โครงการเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” เป็นความร่วมมือของ เครือซีพี โดยมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท และซีพีเอฟ ที่ดำเนินการก้าวเข้าสู่ปีที่ 37 และยังคงมุ่งผนึกกำลังร่วมกับภาครัฐและเอกชน ขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งโภชนาการโปรตีนคุณภาพกับโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดระยะเวลาในการดำเนินงานของมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทในเครือฯ อาทิ บจ.เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CPG), บจ.เจียไต๋ (CHIA TAI), บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บจม.ซีพี ออลล์ (CP ALL), บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า (CP AXTRA) ทั้ง Makro และ Lotus’s และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เพื่อส่งต่อคุณค่า สร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน