รวมวิธีลดกล้ามเนื้อแขนที่สาว ๆ ต้องรู้ จบยุคแขนใหญ่!
สวัสดีสาว ๆ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องฮอตฮิตที่สาว ๆ หลายคนสนใจกัน ซึ่งก็คือการ "ลดกล้ามเนื้อแขน" ให้เฟิร์มกระชับ สวยปัง โดยก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวออฟฟิศที่นั่งทำงานทั้งวัน หรือสาวที่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ ปัญหาต้นแขนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเหมือนกันทั้งนั้น แต่ไม่ต้องกังวลไป! เรามีวิธีจัดการกับปัญหานี้แบบเด็ด ๆ มาฝากกัน
เริ่มกันที่การออกกำลังกายก่อนเลยดีกว่า ถ้าอยากให้แขนเฟิร์ม กระชับ ไม่มีส่วนเกิน ต้องเน้นการทำเวทเทรนนิ่งแบบเฉพาะจุดนะจ๊ะ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป! ไม่ได้หมายความว่าต้องยกเวทหนัก ๆ จนกลายเป็นนักเพาะกายซะหน่อย
ท่าออกกำลังกายลดกล้ามเนื้อแขนที่แนะนำ
1. พุชอัพ (Push-ups): ท่าคลาสสิกที่ไม่มีวันตาย ช่วยกระชับกล้ามเนื้อแขนส่วนหน้าได้ดีเยี่ยม
2. ดิปส์ (Dips): ใช้เก้าอี้หรือขอบโซฟาก็ได้ ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับไตรเซ็ปส์
3. แพลงก์ (Plank): นอกจากจะช่วยกระชับหน้าท้องแล้ว ยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับแขนด้วยนะ
4. ท่าวิดพื้น (Tricep dips): เน้นกระชับต้นแขนด้านหลังโดยเฉพาะ
5. ดัมเบลคเิล (Dumbbell curls): ใช้ดัมเบลน้ำหนักเบา ๆ ก็พอ เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อไบเซ็ปส์
แนะนำให้ทำท่าละ 3 เซ็ต เซ็ตละ 12-15 ครั้ง สัปดาห์ละ 3-4 วัน ผสมผสานกับการคาร์ดิโอเบา ๆ อย่างวิ่งเหยาะ ๆ หรือเต้นแอโรบิก ก็จะช่วยให้การเผาผลาญไขมันทำงานได้ดียิ่งขึ้น
แต่ถ้าใครรู้สึกว่าออกกำลังกายอย่างเดียวยังไม่พอ อยากเห็นผลไวกว่านี้ ก็มีวิธีลดกล้ามเนื้อแขนอีกทางเลือกนึงที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือการฉีดสลายไขมันต้นแขนนั่นเอง!
การฉีดสลายไขมันต้นแขนเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน เพราะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและเห็นผลชัดเจน โดยแพทย์จะฉีดสารสลายไขมันเข้าไปในบริเวณต้นแขนที่มีไขมันสะสม สารนี้จะไปทำลายเซลล์ไขมัน ทำให้ร่างกายขับออกมาตามธรรมชาติ
ข้อดีของการลดกล้ามเนื้อแขนด้วยการฉีดสลายไขมันต้นแขน
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัวมาก
- ใช้เวลาทำไม่นาน สามารถกลับบ้านได้ทันที
- เห็นผลเร็ว โดยทั่วไปจะเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 2-4 สัปดาห์
- ไม่มีแผลเป็น
แต่ก็อย่าลืมว่า การลดกล้ามเนื้อแขนด้วยการฉีดสลายไขมันไม่ใช่วิธีการลดน้ำหนัก และไม่สามารถทดแทนการออกกำลังกายได้ 100% นะจ๊ะ วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ต้องการกำจัดออกไป
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องดูแลสุขภาพองค์รวมด้วย ทั้งเรื่องอาหารการกิน การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และการจัดการความเครียด เพราะทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อรูปร่างและสุขภาพของเราทั้งสิ้น