โรงกลั่นน้ำมันบางจาก พระโขนง ได้รับรางวัล Thailand Energy Awards 2023 ในฐานะผู้ได้รับรางวัลดีเด่น “ด้านพลังงานสร้างสรรค์” เดินหน้าสู่ การอนุรักษ์พลังงาน และพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล Thailand Energy Awards 2023 รางวัลดีเด่น ด้านพลังงานสร้างสรรค์ (กลุ่มทั่วไป) จากผลงาน “ลดพลังงานเตาปฏิกรณ์หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันแนฟทาชนิดเบาที่ 2 โดยการบูรณาการสภาวะและอุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง” โดย นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นผู้มอบรางวัล Thailand Energy Awards 2023 และ นายณพงศ์ เฟื่องฟูพงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายเทคนิคพัฒนาโรงกลั่น บมจ.บางจากฯ เป็นผู้แทนบริษัทฯ รับมอบ เมื่อเร็ว ๆ นี้
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีวิสัยทัศน์เป็น Green Friendly Refinery มุ่งเน้นการอนุรักษ์พลังงานและการพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่องแบบบูรณาการ เริ่มจากการตรวจสอบอุปกรณ์ที่มีการใช้พลังงานอย่างมีนัยสำคัญ ทบทวนการออกแบบ และหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้งาน
ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับรางวัลสามารถลดการใช้พลังงานที่เตาปฏิกรณ์หน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันแนฟทาชนิดเบาที่ 2 อย่างเป็นระบบ โดยประหยัดพลังงานรวม 8,932,323 เมกะจูลต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละผลประหยัดพลังงาน 0.263 (เตาปฏิกรณ์เป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานพลังงานสูงถึง 267,010,754 เมกะจูลต่อปี) นอกจากนี้ ยังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการลดการใช้เชื้อเพลิง คิดเป็น 501.59 ตันคาร์บอนเทียบเท่า นับเป็นโครงการที่เพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการดำเนินการหลัก คือ
- การปรับปรุงสภาวะของหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันแนฟทาชนิดเบาที่ 2 ด้วยเทคโนโลยี Advanced Process Control
- การออกแบบตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่ (Catalyst) ที่เครื่องปฏิกรณ์ (Reactor) ของหน่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำมันแนฟทาชนิดเบาที่ 2
- การติดตั้งอุปกรณ์ Inserted Tube ที่เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน
การได้รับรางวัลดีเด่น “ด้านพลังงานสร้างสรรค์” เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของความมุ่งมั่นของ บางจากฯ ในการให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน ตามแผนงาน BCP316NET เพื่อนำไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี ค.ศ. 2050