กระทรวงการต่างประเทศ มอบเข็มเกียรติคุณและประกาศนียบัตรแก่บางจากฯ ในงาน TICA Connect ครั้งที่ 8 ต้นแบบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในรูปแบบ Public Private Partnership for People (PPPP) ผ่านโครงการพัฒนากาแฟเทพเสด็จสู่ร้านกาแฟอินทนิล
นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับมอบเข็มเกียรติคุณและประกาศนียบัตรจาก นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นต้นแบบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในรูปแบบ Public Private Partnership for People (PPPP) ผ่านโครงการพัฒนากาแฟเทพเสด็จสู่ร้านกาแฟอินทนิล สานต่อการขับเคลื่อนความร่วมมือของภาครัฐสู่ภาคเอกชนและส่งผลต่อชุมชน สร้างความยั่งยืนในวงกว้าง ภายในงาน TICA Connect ครั้งที่ 8 ภายใต้หัวข้อ “Enhancing International Development Cooperation for Sustainable Future” จัดโดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ
ภายในงาน นางพันทิพา เอี่ยมสุทธา เอกะโรหิต รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศและนางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้เกียรติเยี่ยมชมนิทรรศการและทดลองชิม “กาแฟดริปเทพเสด็จตราอินทนิล” โดยมี นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นายวิษณุ วงศ์สุมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด ให้การต้อนรับ นอกจากนี้ ยังได้จัดเครื่องดื่มอินทนิลเพื่อรับรองผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ คณะทูตานุทูต และผู้มีเกียรติที่เข้าร่วมงานกว่า 400 คน
เกี่ยวกับบางจากฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลัก คือ 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน เป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย และปรับเป็น High Value Specialty Products Refinery เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ low emission 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด มีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันมากกว่า 1,360 แห่ง เสริมด้วยธุรกิจ Non – oil ผ่านธุรกิจต่าง ๆ เช่น กาแฟอินทนิล น้ำมันหล่อลื่น Furio และ EV charger 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผ่านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของ บมจ. บีซีพีจี ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการนำนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการการใช้พลังงานของผู้บริโภคและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและขยายสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ประเทศนอร์เวย์ ที่เป็นที่ยอมรับว่ามีมาตรฐานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง และมีกลุ่มธุรกิจขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ ๆ (New Frontier Businesses) อาทิ ธุรกิจแพลตฟอร์มให้บริการรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า และสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) ผู้ลงทุน Corporate Venture Capital เน้นการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมทั้งช่วยสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนวัตกรรมสีเขียว ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้ง Carbon Markets Club เพื่อส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และร่วมก่อตั้งภาคีเครือข่ายเทคโนโลยีชีวภาพแห่งอนาคต SynBio Consortium
บางจากฯ ได้รับการประเมินจาก S&P Global CSA ผู้จัดทำการประเมินความยั่งยืนดัชนี DJSI โดยได้คะแนนการประเมินสูงเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil & Gas Refining and Marketing และได้รับการประเมิน MSCI ESG Rating ระดับ AA ซึ่งเป็นระดับสูงสุดขององค์กรในธุรกิจพลังงานในประเทศไทยที่ได้รับมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 จากการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในระดับสากล มีการตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี ค.ศ. 2050