'ในการกำหนดภารกิจของเทศบาลแต่ละแห่ง จึงไม่ควรกำหนดให้เหมือนกันทุกเทศบาล ควรกำหนดภารกิจและหน้าที่ตามศักยภาพในการหารายได้หรือการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นของเทศบาลไม่ควรตัดเสื้อโหลมาบังคับให้ทุกเทศบาลใส่เหมือนกัน'
วันที่ 22 มิถุนายน 2566 นายกฤษฎา บุญราช ประธานกรรมการสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เป็นประธานเปิดงานการประชุมและการสัมนาทางวิชาการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2556 ณ อิมแพคชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,500 คน
นายกฤษฎา กล่าวว่า มีโอกาสทำงานใกล้ชิดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล มาก่อน โดยในปี2566 สถาบันปิดทองหลังพระฯ ได้เป็นหน่วยงานกลางในการประสานการซ่อมแซมแหล่งน้ำขนาดเล็กในเขตลุ่มน้ำมูล ให้แก่ส่วนราชการที่จะโอนมอบให้แก่เทศบาล และ อบต.เพราะเทศบาล และ อบต. ไม่สามารถรับโอนมอบที่ยังไม่เรียบร้อยมาได้ ดังนั้น จึงขอฝากข้อคิดเห็นและข้อพิจารณาไว้ให้ที่ประชุมสัมมนาของสมาคมสันนิบาตเทศบาลฯได้ช่วยกันขบคิดว่า จะทำอย่างไรให้เทศบาลมีความเป็นอิสระอย่างเพียงพอหรือเหมาะสมกับการเป็นหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สามารถทำงานเพื่อประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายกฤษฎา กล่าวต่ออีกว่าการที่จะทำให้เทศบาลมีอิสระอย่างเพียงพอได้นั้น ควรทบทวนว่าภารกิจหรือหน้าที่ ซึ่งเทศบาลรับผิดชอบอยู่ในปัจจุบันนั้น เหมาะสมกับความพร้อมในการจัดเก็บภาษี หรือรายได้ของเทศบาลแต่ละแห่งอย่างพอเพียงหรือไม่ ถ้าเทศบาลจะได้กำหนดอำนาจหน้าที่และภารกิจ ให้เหมาะสมกับศักยภาพในการจัดเก็บรายได้ หรือภาษีท้องถิ่นได้เพียงพอต่อการทำหน้าที่ของเทศบาลโดยไม่ต้องอาศัยเงินงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลหรือราชการส่วนกลางแล้ว รวมถึงการถ่ายโอนงานต่างๆ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ชัดเจนกว่าปัจจุบันด้วย จึงน่าจะทำให้เทศบาลมีอิสระในการทำงานที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยรัฐบาลหรือราชการส่วนกลางก็ไม่ต้องออกกฎหรือระเบียบมากำกับดูแลการทำงานของเทศบาลจนขาดความเป็นอิสระมากเกินไป จนทำให้เกิดปัญหาว่ารัฐบาลไม่ยอมกระจายอำนาจให้ประชาชนจัดการตนเอง ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงกันในปัจจุบัน
'ในการกำหนดภารกิจของเทศบาลแต่ละแห่ง จึงไม่ควรกำหนดให้เหมือนกันทุกเทศบาล ควรกำหนดภารกิจและหน้าที่ตามศักยภาพในการหารายได้หรือการจัดเก็บภาษีท้องถิ่นของเทศบาลไม่ควรตัดเสื้อโหลมาบังคับให้ทุกเทศบาลใส่เหมือนกัน' นายกฤษฎากล่าว
ความร่วมมือระหว่างสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยว่า ทั้งสององค์กร ผสานการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่ปี 2553 เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น น้อมนำแนวพระราชดำริ หลักการทรงงาน และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปปรับใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นตามลักษณะภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่ จนถึงปัจจุบัน การร่วมมือของทั้งสององค์กรนั้น มีทั้งงานพัฒนาชนบทด้วยการประยุกต์แนวพระราชดำริ ในพื้นที่ต้นแบบ 9 จังหวัด ได้แก่ น่าน อุดรธานี กาฬสินธุ์ เพชรบุรี อุทัยธานี ขอนแก่น ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส นอกจากนี้ยังมีงานโครงการสำคัญอีกหลายโครงการ เช่น โครงการประยุกต์ใช้แนวพระราชดำริในพื้นที่ที่มีปัญหาการค้าและการลำเลียงยาเสพติด บริเวณชายแดนภาคเหนือ จ. เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน โครงการฝ่าวิกฤติด้วยเศรษฐกิจและสังคมฐานรากให้พัฒนาก้าวไปตามแนวพระราชดำริฯ COVID-19 ในพื้นที่ต้นแบบ 9 จังหวัด โครงการซ่อมแซมเสริมศักยภาพแหล่งน้ำชุมชนขนาดเล็กเพื่อการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ตำบลแล้งซ้ำซาก 9 จังหวัดลุ่มน้ำมูล และโครงการต้นแบบการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์หลังฤดูทำนา ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น และอุดรธานี เป็นต้น ซึ่งโครงการทั้งหมดที่สถาบันปิดทองหลังพระกับสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จะร่วมแรงร่วมใจผสานพลังทำงาน เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในท้องที่ท้องถิ่นและเป็นต้นแบบให้กับการพัฒนาชุมชนต่างๆ ของประเทศต่อไป