ปตท.สผ. ประสบความสำเร็จในการขายหุ้นกู้มูลค่า 12,000 ล้านบาท กำหนดอัตราดอกเบี้ยผ่านระบบ E-Bookbuilding หนุนพัฒนาตลาดทุนไทยในยุคดิจิทัล
เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2565 – บริษัท ปตท.สผ. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด ได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนอย่างสูง ประสบความสำเร็จในขายหุ้นกู้ แก่นักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ รวมเสนอขายหุ้นกู้และกรีนชูที่ 12,000 ล้านบาท โดยนำระบบ E-Bookbuilding มาใช้กำหนดอัตราดอกเบี้ย สนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้ก้าวสู่สังคมดิจิทัล
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า บริษัท ปตท.สผ. ศูนย์บริหารเงิน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.สผ. ได้เสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีผู้ค้ำประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่า 10,000 ล้านบาท ให้แก่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 โดยมียอดจองซื้อในช่วงเวลาที่เปิดให้นักลงทุนแสดงความจำนงในการจอง สูงถึง 2 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้ที่เสนอขาย บริษัทจึงตัดสินใจเพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe option) อีก 2,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ตอบแทนสม่ำเสมอท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน รวมมูลค่าหุ้นกู้ที่เสนอขายสำเร็จในวันที่ 5 เมษายน 2565 ที่ 12,000 ล้านบาท
หุ้นกู้ดังกล่าว แบ่งออกเป็น 3 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ที่ 2.09% 2.69% และ 3.05% ต่อปี ตามลำดับ และการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ปตท.สผ. เป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ทั้งจำนวน
“แม้ว่า ปตท.สผ. จะเว้นจากการเสนอขายหุ้นกู้แก่นักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทยมานานกว่า 3 ปี แต่ยังคงได้รับความเชื่อมั่นและการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเงินที่ได้การระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้เพื่อชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนด และเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงานในธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต” นายมนตรี กล่าว
ปตท.สผ. และบริษัทในกลุ่ม ยังคงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทยให้ก้าว สู่สังคมดิจิทัล จึงได้นำระบบสำรวจความต้องการซื้อตราสารหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bookbuilding) ที่พัฒนาโดยสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) มาใช้ในกระบวนการการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ในครั้งนี้ ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญให้ผู้ออกหุ้นกู้พิจารณากำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้ง สามารถแจ้งผลการจัดสรรไปยังผู้ลงทุนได้อัตโนมัติ นับเป็นอีกก้าวของการนำเทคโนโลยี มาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน และการประมวลผลข้อมูลสำหรับธุรกรรมในตลาดทุนไทย
ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้ขึ้นทะเบียนกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่ระดับ “AAA” ซึ่งถือเป็นอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุดของประเทศ จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้