สธ.เร่งเพิ่มศักยภาพ รพ.สนาม เทียบเท่า รพ.บุษราคัม แก้ปัญหาเตียงผู้ป่วยอาการหนักเต็ม พร้อมยันบริษัทไฟเซอร์ จะส่งวัคซีนถึงไทยภายในสิ้นปีนี้ 20 ล้านโดส
....................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีการจัดสรรเตียง รองรับผู้ติดเชื้อโควิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่มีจำนวนมากขึ้น ว่า แต่ละหน่วยงานมีบทบาทการดูแลรับผิดชอบที่ชัดเจน อย่างใน กทม.ได้รับหน้าที่ให้จัดการพื้นที่ของตนเอง ส่วนกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีหน้าที่ให้การสนับสนุน ซึ่งได้ทำอย่างเต็มที่อยู่เสมอ อาทิ การให้โรงพยาลบุษราคัมเข้ามาแบ่งเบางานหนัก ที่นี่ได้รับผู้ป่วยต่างชาติระดับสีเหลืองแล้ว และสิ่งที่ สธ. กำลังเร่งดำเนินการคือจะต้องเปิดเตียงและห้องไอซียูโรงพยาบาลหลักให้มากที่สุด
นอกจากนั้น ยังมีแนวคิดในการเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสนาม ให้ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลบุษราคัม เพื่อเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาผู้ป่วย ที่แสดงอาการ ในระดับเกณฑ์สีเหลือง ซึ่งจะช่วยลดอัตราการสูญเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันยังต้องพัฒนาเรื่องศูนย์แรกรับ จากที่ปัจจุบันได้จัดตั้งศูนย์แรกรับส่งต่อผู้ป่วยโควิด ที่อาคาร นิมิบุตร ที่ผ่านมาปฏิบัติงานได้ผล น่าพอใจ อาจต้องเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง เช่น อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเหลืองด้วย สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ มีแผนว่าจะสับเปลี่ยนจากจังหวัดต่างๆ เข้ามาในพื้นที่
สำหรับกรณีที่พบผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มลักลอบเข้าเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อติดเชื้อเข้ามา ก็ต้องรักษาตามหลักมนุษยธรรม ส่วนการป้องกัน ปราบปรามกลุ่มลอบเข้าเมืองนั้น ทางรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามเรื่องการลักลอบจ้างแรงงานผิดกฎหมายมาโดยตลอด เมื่อมีการลักลอบจ้างแรงงาน ก็เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนปัญหาการนำเข้าวัคซีนยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งถูกสื่อมวลชนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นไปอย่างล่าช้า นายอนุทิน กล่าวชี้แจงว่า วัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนทางเลือก ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว กรณีนี้หากเอกชนต้องการซื้อ แต่ผู้ผลิตไม่ยอมขายให้เอกชน เพราะต้องการจำหน่ายให้รัฐเท่านั้น องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ก็พร้อมเป็นสะพานเชื่อมให้ แต่ทางผู้ผลิต ต้องยืนยันตัวเลขการจัดหา และปฏิบัติไปตามขั้นตอน
“สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ รัฐบาลได้สั่งซื้อจำนวน 20 ล้านโดส และได้ลงนามในเทอมชีทร่วมกันเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุด บริษัทฯ แจ้งว่าสามารถส่งวัคซีนให้เราได้ในไตรมาส 4 ทั้งนี้ยอดการสั่งซื้อ 20 ล้านโดส เป็นยอดที่บริษัทแจ้งว่าจะสามารถจัดสรรให้ประเทศไทยได้ภายในปีนี้ เพราะวัคซีนยังเป็นสิ่งที่ทั่วโลกมีความต้องการสูง และได้พยายามเจรจาเพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage