กมธ.สิทธิมนุษยชน วุฒิสภา เสนอนายกรัฐมนตรี พิจารณาแนวทางแก้ปัญหาโควิด เร่งจัดหาวัคซีน-จัดระบบให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดอย่างรวดเร็ว ส่วนในเรือนจำ ควรปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี หรือ คดียังไม่ถึงที่สุด
--------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ข้อเสนอแนวทางและมาตรการในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด ระบุว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.2564 ที่ผ่านมา และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำหนดมาตรการและแนวทางในการบริหารจัดการเรื่องดังกล่าว เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ประกอบกับจากข้อมูลการติดเชื้อของผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น คณะกรรมาธิการเห็นควรมีข้อเสนอแนะมายังผู้อำนวยการศูนย์สถานการณ์โควิด เพื่อพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1.ควรเร่งจัดหาวัคซีนให้มีปริมาณเพียงพอต่อประชาชนคนไทยและผู้อยู่ที่อาศัยในประเทศ และควรมีระแบบ แนวทางการบริหารจัดการที่ชัดเจน ลดความสับสนของประชาชนในการเข้าถึงวัคซีน รวมทั้งคำนึงถึงสิทธิของประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มบุคคลที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบเทคโนโลยี เป็นต้น ให้เข้าถึงสิทธิการได้รับวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าว
2.สำหรับสิทธิในการเข้าถึงวัคซีน ควรกำหนดแนวทางให้ทุกกลุ่มได้รับสิทธิลงทะเบียนฉีด คู่ขนานไปกับการลงทะเบียนของกลุ่มเป้าหมายที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคคลที่มีโรคประจำตัว และผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่รวดเร็วขึ้น และป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อบุคคลและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
3.ปัจจุบันมีผู้ต้องขังและนักโทษในเรือนจำติดโควิดจำนวนมาก เพื่อลดความแออัดในเรือนจำและทัณฑสถาน จึงเห็นว่า กรมราชทัณฑ์และสำนักงานกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ควรพิจารราแนวทางการปล่อยตัวชั่วคราวสำหรับผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีและคดียังไม่ถึงที่สุด รวมทั้งควรพิจารณานำเงินกองทุนยุติธรรมมาจ่ายค่าปรับให้แก่ผู้ถูกกักขังแทนค่าปรับหรือนำมาตรการการพักโทษมาใช้บังคับ เพื่อลดความแออัดและการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว โดยต้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวในมิติด้านกฎหมาย เพื่อไม่ให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมได้รับผลกระทบจากกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ โดยประสานหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว
ทั้งนี้ก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขังและนักโทษ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงและเข้าข่ายการติดเชื้อสูง ควรดำเนินการตรวจคัดกรอง และส่งตัวเข้าพื้นที่ควบคุมโรคของรัฐ (State Quarantine) ก่อนการปล่อยตัวสู่ครอบครัวและสังคม ส่วนผู้ติดเชื้อควรมีมาตรการส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลสนามที่มีมาตรการควบคุมป้องกันการหลบหนี ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการอนุญาตให้ผู้ต้องขังออกไปรักษาตัวนอกหเรือนจำ พ.ศ.2559 หรืออาจให้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแยกรักษาผู้ป่วยจากเรือนจำเป็นการเฉพาะในพื้นที่ทางทหารในแต่ละจังหวัด
4.ปัจจุบันเรือนจำและทัณฑสถานถือเป็นกลุ่มบุคคลที่มีการติดเชื้อจำนวนมาก ควรมีการบริหารจัดการและมาตรการป้องกันโรคอย่างเป็นระบบ รวมทั้งควรมีการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้แก่ผู้ต้องขัง นักโทษ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถาน
5.ปัจจุบันการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิดมีการนำเสนอในหลายช่องทาง ทั้งข้อมูลที่เป็นจริงและข่าวปลอม ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและความกังวลในการดำรงชีวิตประจำวัน จึงเห็นว่ารัฐบาลควรปรับกลยุทธ์ในการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในมาตรการควบคุมโรคและเข้าถึงวัคซีนอย่างถูกต้องและรวดเร็ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/