ผบ.ตร.พร้อม ปปง.-ศปอส.ร่วมแถลงผลจับกุมคดีฉ้อโกงออนไลน์ 2 คดี ลงทุนตู้เกมลัคกี้-หลอกลงทุนธุรกิจ เอส คลับ ในเครือเอสซีจี เสียหายมากกว่า 500 ล้านบาท ชี้เป็นรูปแบบคล้ายแชร์ลูกโซ่ ย้ำได้เงินง่ายไม่มีอยู่จริง
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จตร. พล.ต.ท.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบช.สทส. นายวัฒนชัย ป้อมสุข ผู้แทนปปง. และตำรวจศปอส.ตร.ร่วมกันแถลงผลการจับกุมการฉ้อโกงออนไลน์ 2 คดี ประกอบด้วย การหลอกลงทุนผ่านเกมลัคกี้โดก้ามีผู้เสียหายกว่า 500 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท และคดีหลอกลงทุนธุรกิจเอส คลับ ในเครือบริษัทเอสซีจี แคลปิตอล มีผู้เสียหาย 400 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันการฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนมีหลายรูปแบบและเพิ่มมากขึ้น ฝากถึงประชาชนให้ตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไปอย่างละเอียดก่อนร่วมลงทุนเพื่อไม่ถูกหลอก แต่ละคดีต้องใช้เวลาในการสืบสวนเป็นเวลานาน อย่างเช่นเอส คลับ เป็นการชวนลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับการพนัน อีกคดีเป็นการเลี้ยงหมาดิจิตอลแล้วนำไปขาย เรื่องเหล่านี้มีการหลอกลวงอยู่เยอะ จะฟังจะเชื่ออะไรขอให้พิจารณาให้ดี
คดีแรก พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.สภ.ฉิมพลี จับกุม น.ส.ธนาพร บุญธนโชติชัย อายุ 25 ปี และ น.ส.ฐิติภา เมธาวารีรักษ์ อายุ 31 ปี กลุ่มกระบวนการฉ้อโกงออนไลน์ หลอกลวงผู้เสียหายลงทุนผ่านเกมลัคกี้โดก้าผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การปฏิเสธ สำหรับรูปแบบการหลอกให้ลงทุนเป็นการหลอกให้ผู้เสียหายซื้อหมาในเกมลัคกี้โดก้า โดยสมาชิกจะได้กำไรจากการขายหมาต่อ ให้สมาชิกคนต่อไป ซึ่งผู้ต้องหาจะเพิ่มจำนวนหมาเข้ามาในระบบ และตั้งราคาเอง ซึ่งหมาจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เงินจำนวนมากแล้ว ก็จะปิดระบบหนีไป โดยพบว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 ใช้เวลา เพียง 4 เดือน มีผู้เสียหายกว่า 500 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 50 ล้านบาท ผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 40 คน
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้เสียหายจะเป็นกลุ่มที่หางานทำตามโลกออนไลน์ และพบการชักชวนจากกลุ่มยูทูปเบอร์ที่มีชื่อเสียง ทำให้มีผู้เสียหายกระจายเป็นวงกว้างมูลค่าความเสียหายสูง ตรวจสอบพบว่าน.ส.ธนาพร มีเงินหมุนเวียนในบัญชี 10 ล้านบาท และพบหลักฐานว่ามีการจ่ายชำระเงินในการแปลคลิปจากต่างประเทศ ส่วนน.ส.ฐิติภา เป็นชาวบ้านธรรมดา หางานผ่านอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังพบว่ามีการหลอกลวงในลักษณะเดียวกันอีก เช่น เกมซุปเปอร์คาร์ และธนาคารบอลในการเอาตัวนักเตะมาขายในเกม
อีกคดี พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.3 บก.สส.สตม. จับกุมนายนนทพัทธ์ สมบุญ อายุ 35 ปี นายเด่นธนากร พชรปัญโญภาส อายุ 37 ปีและรับมอบตัวนายภาณิธิ จันทรโกเมธ อายุ 63 ปี กลุ่มกระบวนการฉ้อโกงหลอกลวงผู้เสียหายลงทุนธุรกิจ เอส คลับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาสืบสวนพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาชักชวนประชาชนให้เข้าร่วมสัมมนาในจังหวัดต่างๆ และหลอกให้ร่วมลงทุนกับ บริษัทเอส คลับ เป็นบริษัทที่พาลูกค้าไปเล่นคาสิโนทั่วโลก มีรายได้จากการปันผลส่วนแบ่งจากค่าตอบแทนที่ได้รับจากคาสิโนทุกรอบการลงทุนจะแบ่งเป็นแพ็กเกจ 9 ระดับ เริ่มตั้งแต่ 21,000 - 5,000,000 บาท ซึ่งจะนำเงินมาปันผลให้กับนักลงทุนเดือนละ 10.5 เปอร์เซ็นต์ และนักลงทุนยังมีรายได้จากการชักชวนให้ผู้อื่นมาร่วมลงทุน โดยจะรับผลตอบแทนในรูปแบบต่างๆ หากสามารถชักชวนให้มีผู้มาลงทุนในแพ็กเกจที่มีมูลค่าสูงขึ้นจะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้นในอัตรา 5-15% ค่าบริหารทีม 8-10% การหลอกล่อสมาชิกโดยการการจัดโปรโมชั่น เช่น แจกทองคำ รถยนต์ สิทธิท่องเที่ยวในและต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งในช่วงแรกจะมีการจ่ายผลตอบแทนจริง แต่ภายหลังจะบ่ายเบี่ยงและหลบหนีไป คดีนี้มีผู้เสียหายที่เป็นสมาชิกกว่า 400 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท
พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 คดี เป็นการหลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนในสิ่งที่ได้รับผลตอบแทนสูงเกินจริง ซึ่งหากชักชวนให้มีผู้ร่วมลงทุนเพิ่มก็จะได้ผลกำไรเพิ่มอีก ซึ่งทั้งหมดมีลักษณะคล้ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งการได้เงินมาโดยง่ายไม่มีอยู่จริงและไม่น่าเชื่อถือ หลังจากนี้ก็จะให้ ปปง.ดำเนินการยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อคืนสู่ผู้เสียหายให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ สำหรับประชาชน ที่ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนกับบริษัท หรือเอส คลับ แกรนด์ แจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง และ สายตรง 081-8663000 เวลาราชการ