สถาบันวัคซีนแห่งชาติเผยไทยไม่ได้สิทธิ์รับวัคซีนฟรีจากโคแวกซ์ เพราะเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ระบุหากเข้าร่วมโครงการฯต้องนำเงินไปร่วมลงขัน เลือกวัคซีนไม่ได้ เสี่ยงได้วัคซีนช้า-ราคาสูง
..............................................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2564 นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ของประเทศไทย ว่า เป็นโครงการประสานงานที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป้าหมายแจกจ่ายวัคซีนโควิดให้กับประเทศยากจน โดยในอาเซียนมีประเทศที่ได้รับวัคซีนฟรี ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนประเทศไทย บรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซีย ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับวัคซีนฟรี หากจะเข้าร่วมโครงการต้องนำเงินไปร่วมลงขันในการจัดหาวัคซีนโควิด
ซึ่งประเทศไทยมีแผนร่วมจัดหาวัคซีนโควิดกับโคแวกซ์ตั้งแต่ต้น และได้ส่งหนังสือแสดงเจตนารมณ์เข้าร่วมตั้งแต่ช่วงต้นของโครงการ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในหลายด้าน เป็นความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งในและนอกกระทรวงสาธารณสุข ทั้งด้านวิชาการ กฎหมาย การเงิน ขึ้นมาเพื่อพิจารณาเงื่อนไขการทำข้อตกลงกับโคแวกซ์ด้วย
นพ.นคร กล่าวต่อว่า การทำข้อตกลงจองวัคซีนโควิด ไม่ว่าจะเป็นการทำข้อตกลงผ่านโคแวกซ์หรือการทำข้อตกลงโดยตรงกับผู้ผลิต จำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลและบริบทหลายๆด้านประกอบกัน เนื่องจากการตัดสินใจในการทำข้อตกลงจองวัคซีนในขณะนั้น เป็นความจริงที่ว่าวัคซีนโควิดของทุกบริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งสิ้น ยังไม่ทราบว่าวัคซีนชนิดใดจะประสบความสำเร็จ และยังไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนที่มากเพียงพอ เสียเงินค่าจองไปแล้วก็อาจไม่ได้รับวัคซีนหากการพัฒนาล้มเหลว
การตัดสินใจทำข้อตกลงจึงอยู่บนพื้นฐานของการชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงที่ประเทศจะได้รับหากทำการจองวัคซีน และเมื่อพิจารณาเงื่อนไขการจองวัคซีน ผ่านโคแวกซ์ พบว่าการจองจะต้องมีค่าธรรมเนียมดำเนินการโดยคิดเพิ่มจากราคาวัคซีน โดยการจองแบบเลือกผู้ผลิตไม่ได้มีค่าธรรมเนียม 1.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อโด๊ส การจองแบบเลือกผู้ผลิตได้ คิดค่าจองเพิ่ม 3.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อโด๊ส (รวมค่าธรรมเนียม 1.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อโด๊ส และค่าประกันความเสี่ยง 0.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อโด๊ส) ทั้งนี้ แม้จะเลือกทำสัญญาจองซื้อแบบเลือกผู้ผลิตได้ แต่ไม่มีอิสระในการเลือกที่แท้จริง
โดยโคแวกซ์จะเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ 2 รอบ โดยในรอบแรกโคแวกซ์จะเสนอรายชื่อผู้ผลิตที่โคแวกซ์มีข้อตกลงแล้วมาให้ ซึ่งไม่ใช่รายชื่อผู้ผลิตที่มีทั้งหมดในโลก หากผู้ซื้อไม่สนใจผู้ผลิตในรายการที่เสนอ จะต้องรอการประกาศตัวเลือกในรอบต่อไป ทำให้ได้วัคซีนช้าลง และหากเลือกผู้ผลิตที่มีชื่อในรายการ โคแวกซ์จะนำเงินที่ผู้ซื้อจ่ายไปจองวัคซีนกับผู้ผลิตก่อน แล้วผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเลือกในรอบที่ 2 ว่าจะทำสัญญากับผู้ผลิตรายนั้นหรือไม่ ซึ่งถ้าตัดสินใจไม่ทำสัญญา ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้าที่จ่ายไปแล้วทั้งหมด และไม่ได้เงินคืนแม้ว่าการเลิกสัญญาจะเกิดจากการพัฒนาวัคซีนไม่สำเร็จ
นอกจากนี้ การซื้อวัคซีนจะต้องซื้อตามราคาจริงจากผู้ผลิต โดยต้องยอมรับทุกเงื่อนไข ไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งยังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าขนส่งวัคซีน ค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนวัคซีนในประเทศ และภาษี เป็นต้น
ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า การทำความตกลงซื้อวัคซีนโควิด-19 จากผู้ผลิตโดยตรง มีความยืดหยุ่นมากกว่า เนื่องด้วยสามารถกำหนดจำนวนวัคซีนที่จะซื้อได้ สามารถต่อรองราคา หากซื้อเป็นจำนวนมาก ราคาก็ถูกลง และยังสามารถต่อรองเงื่อนไข ขอบเขตความรับผิดชอบได้ตามสมควร ทั้งนี้ การซื้อวัคซีนผ่านโคแวกซ์ ยังกำหนดให้ซื้อขั้นต่ำ ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 10 ของจำนวนประชากร หากต้องการวัคซีนรวดเร็ว ผู้ซื้อต้องยอมรับเงื่อนไข และความรับผิดชอบใดๆ ตามที่ผู้ผลิตเสนออีกด้วย
อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงเจรจากับโคแวกซ์อย่างต่อเนื่อง และหากมีการปรับเงื่อนไขรวมถึงข้อเสนอที่ประเทศจะได้ประโยชน์ ก็อาจมีการทำข้อตกลงผ่านโคแวกซ์ได้
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage