ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนออสเตรเลียจับกุมผู้ถูกตั้งข้อหาว่า เจตนาวางเพลิง ต้นเหตุไฟป่าที่ขยายวงกว้างในประเทศได้นับร้อยคน ขณะนี้ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับวิกฤตไฟป่าที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 มีผู้เสียชีวิตในวิกฤตครั้งนี้อย่างน้อย 25 รายแล้ว
เว็บไซต์ www.workpointnews.com รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2563 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เดอะออสเตรเลียน (The Australian) รายงานว่ามีประชาชนถูกจับกุมฐานวางเพลิงได้หลายร้อยคนในพื้นที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ (NSW) ควีนสแลนด์ วิกตอเรีย เซาท์ออสเตรเลีย และแทสมาเนีย ในรัฐนิวเซาท์เวลส์เพียงรัฐเดียว มีผู้ถูกแจ้งข้อหาหรือตักเตือนเนื่องจากมีส่วนพัวพันกับเหตุไฟป่าจำนวน 183 คน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 โดยในจำนวนนี้มี 24 คน มีความผิดฐานเจตนาวางเพลิง ส่วนในรัฐวิกตอเรียมีผู้ถูกจับกุม 43 คน ส่วนในรัฐควีนสแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐที่เหตุไฟป่าวิกฤตที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2019 มีผู้ถูกจับกุมฐานเจตนาวางเพลิงจำนวน 101 คน โดยร้อยละ 70 เป็นวัยรุ่น
นายเจมส์ ออกลอฟ (James Ogloff) ผู้อำนวยการศูนย์นิติวิทยาศาสตร์พฤติกรรม (Forensic Behavioural Science) มหาวิทยาลัยสวินเบิร์น (Swinburne University) ระบุว่าไฟป่าที่ลุกลามในออสเตรเลียนี้เกิดจากคนลอบวางเพลิงถึงประมาณร้อยละ 50
“คนกลุ่มนี้ชอบเวลาเห็นไฟ ชอบเวลาจุดไฟ และบ่อยครั้งพวกเขาตื่นเต้นไปกับข้อมูลที่เผยว่าไฟลุกไหม้หรือลุกลามไปแค่ไหน” ออกลอฟให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิวส์ คอร์ป (New Corp) ของออสเตรเลีย
รองศาสตราจารย์เจเน็ต สแตนลีย์ (Janet Stanley) จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น (University of Melbourne) ระบุว่า กลุ่มคนที่ลอบวางเพลิงหรือไฟร์บักส์ (firebugs) ส่วนใหญ่เป็นชายวัยรุ่นอายุ 12-24 ปี หรือวัยชราอายุ 60 ปีขึ้นไป
“คนกลุ่มนี้ไม่มีจุดร่วมอื่นใด นอกเสียจากพวกเขามีประวัติที่ไม่ค่อยดี เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความบอบช้ำทางจิตใจ ทั้งยังเผชิญกับการถูกเมินเฉยและการทารุณกรรมบ่อยครั้งนับตั้งแต่เด็ก” สแตนลีย์กล่าว
อนึ่ง เบรนดอน โซคาลุก (Brendon Sokaluk) อดีตอาสาสมัครผจญเพลิง ถูกตัดสินจำคุก 17 ปี 9 เดือน จากการวางเพลิงจนก่อให้เกิดไฟป่าในรัฐวิกตอเรียเมื่อปี 2009 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 10 รายในเหตุไฟป่าแบล็ก แซทเทอร์เดย์ (Black Saturday) หนึ่งในเหตุไฟป่าที่รุนแรงที่สุดของออสเตรเลีย