อนุมัติแล้ว ! วอชิงตันถือเป็นรัฐแรก ที่สามารถ "นำศพมาทำปุ๋ย" เพื่อช่วยอนุรักษ์โลกได้
เว็บไซต์ www.pptvhd36.com รายงานว่า แนวคิด “นำศพคนไปทำเป็นปุ๋ยได้” เป็นของนายเจมี่ พีเดอร์สัน นักการเมืองพรรคเดโมเครต โดยนำร่างกฎหมายขึ้นเสนอในสภาสหรัฐฯ ว่าด้วยเรื่อง “วิธีจัดการศพรูปแบบใหม่” ในกฎหมายระบุว่าเป็นการ “นำศพไปทำเป็นปุ๋ยบำรุงดิน เพื่ออนุรักษ์โลก” ซึ่งกฎหมายดังกล่าวได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการแล้วภายใต้ชื่อว่า “แปลงสภาพศพมนุษย์ให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ตามธรรมชาติ” (natural organic reduction)” และจะมีผลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2020โดยญาติสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าสู่กระบวนการนี้หรือไม่ ซึ่งหากเลือกแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนคำร้องขอได้
ด้านแคทรีนา สเปด ผู้ก่อตั้งบริษัทเปลี่ยนศพให้เป็นปุ๋ย บอกว่า การย่อยสลายเปลี่ยนร่างให้เป็นดิน ถือเป็นทางเลือกใหม่นอกเหนือจากการดองศพ การฝัง หรือการเผา ซึ่งเป็นวิธีที่ธรรมชาติมากที่สุด อีกทั้งยังช่วยประหยัดพื้นที่ (สำหรับฝังหลุมศพ) พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ด้วย
อย่างไรก็ตาม การเผาศพในแต่ละครั้งจะต้องใช้ไฟที่มีความร้อนมากกว่า 850 องศาเซลเซียส และนอกจากจะต้องเผาร่างคนตายแล้ว ยังต้องเผาสิ่งของต่าง ๆ พวงหรีด โฟม พลาสติก วัสดุตกแต่งโลงศพ แอมโมเนีย ไฮโดรเจนซัลไฟด์ เมอร์แคปแทน ฟอร์มาลดีไฮด์ (นํ้ายารักษาศพ) แคดเมียม ตะกั่ว ปรอท และสารไดออกซินและฟิวแรน เป็นต้น
แต่นอกเหนือจากการย่อยสลายเปลี่ยนร่างให้เป็นดินแล้วก่อนหน้านี้ยังมีแนวคิด “แคปซูลศพ” จากไอเดียของ Anna Citelli และ Raoul Bretzel ดีไซน์เนอร์ชาวอิตาลี ด้วยการสร้างเมล็ดขนาดยักษ์ที่ปลูกต้นกล้าไว้ด้านบน ภายในจะบรรจุร่างของผู้ตายเพื่อจะได้เป็นปุ๋ยแก่ต้นไม้ คล้ายกับการเกิดใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง