เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 26 ก.ค. 2562 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดการประชุมชี้แจงแนวทางการใช้จ่ายเงินให้กับ 77 พรรคการเมืองที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ประจำปี 2562 เนื่องจาก พ.ร.ป.พรรคการเมือง ตามรัฐธรรมนูญมีหลักการและรายละเอียดสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากกฎหมายพรรคการเมืองฉบับเดิม การดำเนินงานและแนวทางการปฏิบัติของพรรคการเมือง นายทะเบียนพรรคการเมือง และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีการเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ จึงต้องมีการชี้แจงแนวทางใช้จ่ายเงินของพรรคการเมืองที่ได้รับการ จัดสรรเงินอุดหนุนจากกองทุนฯ การรายงาน การตรวจสอบ การเรียกคืน การลด และการงดเงินอุดหนุนของพรรคการเมือง รวมทั้งการติดตามและการประเมินผลการใช้จ่ายเงินอุดหนุนของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ระเบียบและประกาศต่างๆ เพื่อให้พรรคการเมืองเกิดความเข้าใจและสามารถใช้จ่ายเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุนฯได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่สามารถนำเงินกองทุนฯไปอุดหนุนได้ แต่การเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่รู้ว่าจะมีเมื่อไร ซึ่งจะสามารถนำเงินกองทุนฯไปใช้ได้แน่นอน และเมื่อมีสภาแล้ว หากมีปัญหาอะไรขอให้ไปพูดกันในสภา ไม่อยากเห็นประชาชนเรียกร้องด้วยการลงมาเดินถนนอีก
ด้านนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.ด้านพรรคการเมือง กล่าวถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ก่อนและภายหลังการเลือกตั้ง ว่า ที่ผ่านมาการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองมีข้อจำกัด แต่มีคำสั่ง คสช.ที่ช่วยเปิดโอกาสให้ เช่น การทำไพรมารี่โหวต เพื่อให้ทันการเลือกตั้ง แต่หลังจากนี้ไปจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายเต็มรูปแบบ ถ้าจะมีการเลือกตั้งในกรณีครบวาระ คือ อีก 3 ปี 8 เดือน พรรคการเมืองทุกพรรคจะต้องมีสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมือง ถ้าจะส่งผู้สมัครครบทุกเขตต้องมีสาขาพรรคการเมือง 350 สาขา และมีตัวแทนพรรคการเมือง ตามขั้นตอนการตั้งสาขาพรรคการเมือง ต้องใช้เวลา 4- 8 เดือน
นายแสวง ยังกล่าวถึงเรื่องการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง ว่า ไม่ค่อยพบการร้องเรียนว่ามีการทำผิดกฎหมาย แต่ส่วนใหญ่ที่พบมักเป็นเรื่องความผิดพลาดของเอกสาร เช่น เรื่องการเงิน การระดมทุน การบริจาค ที่กรอกหลักฐานการรายงานไม่ครบ แต่ไม่ถึงขั้นเป็นการทำความผิด ส่วนการร้องเรียนพรรคการเมือง ตามกฎหมายพรรคการเมือง มีการร้องเรียนจำนวนมาก และมีมากขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ พรรคการเมืองทำไม่ถูกกฎหมาย ปฏิบัติยาก หรือเป็นเรื่องทางการเมือง ซึ่งทุกคำร้องล้วนแต่ขอให้ยุบพรรค ทั้งที่ความผิดไม่ถึงขั้นยุบพรรค และพบว่าประชาชนร้องพรรคการเมืองมากกว่าพรรคการเมืองร้องพรรคการเมือง
“กกต.ตรวจสอบให้ทุกคำร้อง แต่ขออย่าตำหนิเรื่องเวลาเร่งดำเนินการ การพิจารณาคำร้องไม่มีเร็วหรือช้า มีแต่ได้ข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ได้ข้อเท็จจริงจนสิ้นกระแสความ หรือมีข้อเท็จจริงพอให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย” นายแสวง กล่าว
นายแสวง ยังย้ำว่า อย่านำพรรคการเมืองไปแสวงหาผลกำไร ซึ่งรายได้ของพรรคการเมืองให้ทำตามกฎหมาย จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเอาพรรคการเมืองไปแสวงหาผลกำไร
สำหรับการอนุมัติจัดสรรเงินอุดหนุนให้ 77 พรรค การเมือง รวมจำนวน 112,413,603.74 บาท พรรคที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนมากที่สุด คือ พรรคประชาธิปัตย์ 16,838,239.43 บาท รองลงมา คือ พรรคพลังประชารัฐ 12,748,840.16 บาท , พรรคเพื่อไทย 12,654,136.50 บาท , พรรคอนาคตใหม่ 12,427,577.21 บาท , พรรคไทยรักธรรม 11,095,853.90 บาท , พรรคภูมิใจไทย 7,112,093.62 บาท , พรรคเสรีรวมไทย 4,831,645.50 บาท โดยพรรคที่ได้รับเงินกองทุนฯน้อยที่สุด คือ พรรคพลังเพื่อไทย 15,536.86 บาท