ตำรวจ สตม.ตรวจเข้ม ด่าน ตม.สนามบินภูเก็ต ดูแลนักท่องเที่ยวช่วงคริสมาสต์ ปีใหม่ 68 หลังรัฐบาลเปิดฟรีวีซ่า 93 ประเทศ เผยยอดเฉลี่ยนักท่องเที่ยว พ.ย. 67 เฉลี่ย 5 แสนราย สูงกว่าตอนก่อนโควิด 6 เปอร์เซ็นต์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง รรท.ผบช.สตม. พร้อมคณะ เดินทางตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของ ด่าน ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต มอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมหารือแนวทางการบริหารงานร่วมกับ นายมนต์ชัย ตะโหนด ผอ.ท่าอากาศยานภูเก็ต เน้นการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2568
พล.ต.ต.ภาณุมาศ กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลักในภาคใต้ตอนบนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ประกอบกับ รัฐบาลโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายเร่งด่วนเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อยอดมาจากการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว (Visa Free) ให้กับ 93 ประเทศ และดินแดนทั่วโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งส่งผลดีให้เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตมากเป็นอันดับสาม รองจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศช่วง High season คือ ต.ค.-มี.ค. เฉลี่ยต่อวันสูงสุด 23,000 คน โดยในช่วงเดือน พ.ย.67 นักท่องเที่ยวสัญชาติที่เดินทางเข้ามามากอันดับแรกยังคงเป็น รัสเซีย เฉลี่ย 4,100 คนต่อวัน รองลงมา จีน วันละ 1,800 คน อินเดีย เฉลี่ยวันละ 1,790 คน ออสเตรเลีย 780 คน และสหราชอาณาจักร 730 คนต่อวัน ตามลำดับ
“เฉลี่ยทั้งเดือนมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 520,000 ราย เปรียบเทียบปริมาณนักท่องเที่ยวเฉลี่ยช่วงเวลาเดียวกันกับในปี62 ก่อนโควิด พบว่ามีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 6%” พล.ต.ต.ภาณุมาศ กล่าว
ด้าน นายมนต์ชัย กล่าวว่า ในห้วงเวลาเทศกาลคริสต์มาส ถึงปีใหม่ มีผู้โดยสารจองตั๋วเข้ามาแล้ว มีเที่ยวบินเฉลี่ย 355 เที่ยวบินต่อวัน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศ 210 เที่ยว และเที่ยวบินระหว่างประเทศ 144 เที่ยวบิน จำนวนผู้โดยสารเข้าและออกประมาณ 60,000 คน ต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 110% ของก่อนสถานการณ์โควิด โดยเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประมาณ 40,000 คน และเป็นผู้โดยสารภายในประเทศประมาณ 20,000 คน ในอดีตก่อนช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด สัญชาติที่เดินทางมากที่สุดได้แก่ จีน รัสเซีย อินเดีย แต่ปัจจุบันกลับกัน โดยมีสัญชาติรัสเซีย จีน อินเดีย สูงที่สุดตามลำดับ
รรท.ผบช.สตม. กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี มีนโยบายให้อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว สตม.จึงต้องเตรียมความพร้อมรองรับ โดยมีแนวทางลดขั้นตอนการตรวจเข้าราชอาณาจักร อาทิ ลดขั้นตอนการแสกนเอกสารขาเข้า งดการลงลายมือชื่อกำกับในตราประทับขาเข้า การบริหาร Snake line เพื่อลดระยะเวลาการตรวจที่อาจเกิดจากเหตุปัจจัยอื่น มีการเพิ่มกำลังในวันหยุดราชการ เสริมกำลังพลระหว่างงานแบบ SWING โดยใช้ตราประทับกลาง ระดมอุปกรณ์เครื่องมือ ยานพาหนะ เพื่อให้เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ควบคู่ไปกับการคัดกรองกลุ่มคนต้องห้าม ไม่ให้แฝงตัวเข้ามารวมกลุ่มแก๊งก่ออาชญากรรมในประเทศได้
ทั้งนี้ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจโดยเฉพาะบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเป้าหมาย จะต้องมีความเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุและสืบสวนหาข่าวโดยเฉพาะในสนามบิน โดยไม่ให้กระทบต่อการอำนวยความสะดวกในการตรวจหนังสือเดินทางแก่นักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าออกในช่วงเวลาดังกล่าว