ตำรวจคุมตัว แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ ส่งฝากขัง ยันไม่มีผู้ต้องหา VIP เตรียมเรียกสอบ ดารา-นักร้อง-อินฟลูฯ ร่วมไลฟ์สด รวมกว่า 20 คน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2567 พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก. (สอบสวน) กก.1 บก. ปคบ. เบิกตัว น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร แม่ตั๊ก และ นายกานต์ เรื่องอร่าม ป๋าเบียร์ ออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญาผัดแรก หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบปากคำในชั้นสอบสวน
ทั้งนี้ ระหว่างนี้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายเดินออกจากประตูเพื่อพาไปยังรถที่จอดบริเวณด้านหน้าอาคาร เผยให้เห็นสภาพร่างกายของคู่ที่มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงรายละเอียดทางคดีที่เกิดขึ้น นายกานต์ หรือ ป๋าเบียร์ ตอบว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจ รายละเอียดทั้งหมดให้การกับเข้าหน้าที่ไปหมดแล้ว ยืนยันว่าไม่มีเจตนาทำให้ใครเสียหายขุ่นเคืองใจ ขอสาบานจะไม่ทิ้งใครไปไหน อยากให้เห็นความตั้งใจที่จะเยียวยาผู้เสียหาย เราไม่หนี ไม่หายไปไหน อยากดูแลทุกคน ตนเองเกิดเป็นพ่อค้าแม่ค้าหากทำไรให้ไม่พอใจยินดีที่จะยอมรับ สุดท้ายขอโอกาสให้ตนได้พิสูจน์ความจริง ส่วนการประกันตัวในชั้นศาลก็ว่ากันต่อไป
ขณะที่ ด้าน พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่หน้าห้องขังทราบว่า แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ มีอาการเครียดนอนไม่หลับ อีกทั้งตัวแม่ตั๊กเองยังมีอาการหอบหืดขอยาทาน จึงอนุญาตให้เลขาเอายามาให้ ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่ได้ให้สิทธิพิเศษ หรือ VIP เหนือผู้ต้องหาทั่วไป ทั้งเรื่องกินข้าว การดูแลระหว่างถูกควบคุม ทุกอย่างเป็นไปตามกฎและสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งทางตำรวจมีระเบียบอย่างเข้มงวด เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร เนื่องจากหวั่นจะถูกทำร้ายร่างกาย ส่วนเจ้าตัวมีประวัติหรืออาการป่วยโรคประจำตัวหรือไม่ ในส่วนนี้ไม่ทราบข้อมูลเพราะยังไม่ได้มีการตรวจสอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อวานระหว่างสอบปากคำ ในห้องสอบสวน แม่ตั๊กมีการสแกนหน้าโอนเงิน ทางโทรศัพท์มือถือ นั้น ขอชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินคืนให้ผู้เสียหาย ซึ่งมีการโอนออกทุกวัน ส่วนข้อกังวลที่จะมีการโยกย้ายเงินออกนั้น ชี้แจงว่า เนื่องจากเขาประกอบธุรกิจหลายอย่าง จึงต้องมีการพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าทรัพย์สินไหนมาจากการฉ้อโกง จะมีการอายัดเงินเป็นส่วนๆ ไป ไม่ต้องห่วง และตำรวจได้แจ้ง ปปง. รวมถึงมีการตั้งคณะกรรมการในการสืบทรัพย์แล้ว
ส่วนเรื่อง นักร้องชื่อดัง ดารา อินฟลูเอ็นเซอร์คนดัง ร่วมไลฟ์สดขายทองออนไลน์ นั้น หลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวน จะมีการเรียกตัวมาสอบปากคำเพื่อพิจารณาเป็นรายบุคคลว่า มีพฤติการณ์ร่วมเจตนาโฆษณาสินค้าที่มีข้อความอันเป็นเท็จ ไม่ตรงปกหรือไม่
ทางด้าน พ.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. เข้าประชุมติดตามคดีแม่ตั๊กและป๋าเบียร์ พร้อมติดตามสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ โดยในส่วนคดีของ น.ส.กรกนก สุวรรณบุตร หรือ แม่ตั๊ก และนายกานต์พล เรืองอร่าม หรือ ป๋าเบียร์ นั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า การฝากขังในวันนี้ ตำรวจได้คัดค้านการประตัว และตนสั่งการให้พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองบริโภค (ผบก.ปคบ.) อยู่ 2 ประเด็นคือ ต้องดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมา และขยายผลว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องในการกระทำผิดบ้าง และต้องไม่มีข้อยกเว้นเพราะเรื่องดังกล่าว กระทบต่อความรู้สึกของประชาชน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเราสามารถมั่นใจได้ว่ามีผู้เสียหายหลายรายซึ่งบางรายอาจไม่ได้อยู่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงให้ พล.ต.ต.วิทยา เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับทุกพื้นที่โดยสามารถเเจ้งความผ่าน ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์ หรือเเจ้งความผ่านระบบใดก็ได้ ซึ่งอาจจะมีการร่วมคดีและให้ทางพล.ต.ต.วิทยา เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ไป เพื่อที่คดีจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน
กรณีเหตุอุทกภัยที่ มีผู้ลักลอบขึ้นราคาสินค้าว่าจะมีการจัดการอย่างไรบ้างนั้นพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ในฐานะสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีศูนย์รับแจ้งเหตุ โดยการหลอกลวงต่างๆผ่านโซเชียลมีเดียสามารถรับแจ้งความได้ผ่านศูนย์ AOC 1441 ไม่จำเป็นต้องเดินทางมา ซึ่งมีขั้นตอนให้บริการหลังจากรับแจ้งเพราะจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องบูรณาการกัน อะไรที่เป็นความผิดที่ซ้ำเติมประชาชน ทั้งนี่ยังมีการเน้นย้ำให้ทางตำรวจมีการเปลี่ยนแผนในการตรวจตรา โดยเปลี่ยนจากการอยู่กับที่ให้เป็นการเคลื่อนมากขึ้น เพื่อให้ความสะดวกกับพี่น้องประชาชนที่ประสบเหตุให้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงประเด็นเรื่องการเเบ่งงานในระดับรองผบ.ตร. ด้านพล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ในฐานะ รรท.ผบ.ตร. จะยังไม่มีการเปลี่ยนเเปลง ส่วนตำเเหน่งว่างเนื่องจากมีผู้ที่เกษียณอายุราชการไปก็จะให้ผู้ช่วยผบ.ตร. ที่อาวุโสสุดในสายงานนั้นๆ เป็นผู้รับผิดชอบไปก่อน ส่วนสำหรับการแต่งตั้งผบ.ตร. คนต่อไป ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าจะเป็นวันไหน
ด้าน พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ในส่วนของการสืบสวนขยายผล ต้องขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานเกี่ยวกับดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์ ที่ไปร่วมไลฟ์สดขายทองร่วมกับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนั้น ขณะนี้ก็มีการเรียกมาให้ปากคำแล้วมีมากกว่า 20 ราย เบื้องต้นมีความผิด อย่างไรก็ตามต้องดูว่ามีความเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหนได้รับส่วนแบ่ง หรือมีหน้าที่ทำอะไรที่ช่วยผู้กระทำผิด