ศาลอาญาสั่งจำคุก 3 ปี 'เพนกวิน พริษฐ์' คดี ม.112 ลดโทษเหลือ 2 ปี ไม่รอลงอาญา ออกหมายจับรับโทษอายุความ 10 ปี
สำนักข่าวออิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ก.ค.2567 ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูงหมายเลขดำ อ.2802/2565 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14
ตามที่อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปความว่า ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม-1 สิงหาคม 2564 ต่อเนื่องกัน จำเลยใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ พริษฐ์ ชิวารักษ์ โพสต์ข้อความและเผยแพร่ภาพ โดยจำเลยถือพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 10 กลับศรีษะลงด้านล่าง แล้วกำมือชูนิ้วกลางทาบลงบนพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมข้อความอันเป็นการหมิ่นประมาทแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธและได้รับการประกันตัว อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ แต่นายพริษฐ์ จำเลยไม่มาศาลตามนัด มีพฤติการณ์หลบหนี ศาลจึงออกหมายจับ และนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
โดยวันนี้นายพริษฐ์ จำเลยยังคงไม่เดินทางมาศาล คงมีแต่ทนายความเท่านั้นมาศาล ศาลจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยตามกฎหมาย
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงพยานโจทก์ล้วนเบิกความสอดคล้องต้องกัน ไม่มีเหตุเบิกความใส่ร้ายจำเลย ส่วนที่จำเลยอ้างว่า อาจจะมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายอื่นเข้ามาใช้เฟซบุ๊กตนเอง ซึ่งก็ไม่แน่ใจ นั้น หากเป็นความจริง จำเลยสามารถลบภาพ และข้อความดังกล่าวได้แต่ไม่กระทำ นอกจากนี้การโพสต์ภาพข้อความของจำเลยในวันที่ 28 กรกฎาคม ชักชวนให้ใส่ชุดดำ ก็เป็นบริบทให้เข้าใจได้ว่า เป็นการไว้ทุกข์ ที่จำเลยอ้างว่า เป็นการกระทำเชิงสัญญลักษณ์ เพื่อให้มีการปฏิรูปสภาบันนั้นฟังไม่ขึ้น
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานดูหมิ่นสถาบันฯ อันเป็นบทหนักสุด จำคุก 3 ปี คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ให้ออกหมายจับจำเลยมารับโทษตามคำพิพากษา ภายในอายุความ 10 ปี