DSI สนธิตำรวจจับกุม 2 นายหน้าชาวเชียงรายหลอกลวงหญิงไทยไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คาสิโนคิงส์โรมัน แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาวหลังก่อนหน้านี้ช่วยเหยื่อได้ 3 ราย-ขอศาลออกหมายจับ 5 ผู้ต้องหาทั้งชาวจีนและไทย
สืบเนื่องมาจาก มูลนิธิพิทักษ์สตรี (ALLiance Anti Trafic (AAT)) ได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายอาสาสมัคร กรณีมีหญิงไทย จำนวน 3 คน ร้องขอความช่วยเหลือถูกนายหน้าที่เป็นหญิงไทย หลอกลวงชักชวนไปทำงานที่ประเทศลาว เมื่อไปถึงระแวกคาสิโนคิงส์โรมัน เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว ได้ถูกนำไปแสวงหาประโยชน์ในลักษณะบังคับใช้แรงงานให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โรมานซ์สแกรม ชักชวนเหยื่อให้ลงทุน อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 โดยก่อนหน้านี้ กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งสามารถช่วยเหลือหญิงชาวไทยทั้ง 3 ราย กลับมาได้โดยปลอดภัย และได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ และขยายผลจนกระทั่งสามารถขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 5 ราย เป็นชาวไทย 3 ราย และชาวจีน จำนวน 2 ราย เป็นคดีพิเศษที่ 225/2565
จากการสืบของศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว DSI นำโดย นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผู้อำนวยการส่วนสะกดรอยและการข่าว และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 1 จนพบตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน ทำให้ ช่วงเช้าวันนี้ พันตำรวจตรีอาริชย์ ทัศน์พันธ์ รองผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ พันตำรวจโทปริญญา กฤษณา ผู้อำนวยการส่วนคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ 2 และเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก ตม.เชียงแสน ตม.ภาค 5 กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ตำรวจท่องเที่ยว กก.2 บก.ทท.2 สืบสวน สภ.เชียงแสน ได้ร่วมกันทำการจับกุม นางบัวทอง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3411/2566 ที่บริเวณหน้าบ้านพักในอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย และ นายวสันต์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3412/2566 ที่บริเวณหน้าบ้านพัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยทั้ง 2 ราย ต้องหาว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและประมวลกฎหมายอาญา