นิด้าโพลเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนต่อการปิดผับ 04.00 น. พบ 41.76% คิดว่าปิดเวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว ไม่ดึกเกิน-ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนคนบ้านใกล้สถานบันเทิง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2566 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง 'นโยบาย ปิดผับตี 4 มาอีกแล้ว!' ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17-19 ตุลาคม 2566 จากประชาชนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับแนวคิดการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงในยามค่ำคืน จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น. การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ 'นิด้าโพล' สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงการเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืนของประชาชน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 55.65 ระบุว่า ไม่เคยไปเที่ยว ขณะที่ร้อยละ 44.35 ระบุว่า เคยไปเที่ยว
เมื่อถามผู้ที่เคยไปเที่ยว (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) ถึงความถี่ในการเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืน ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 57.66 ระบุว่า ไม่เคยไปเลย
ร้อยละ 33.22 ระบุว่า มีบ้างแล้วแต่โอกาส/เทศกาล
ร้อยละ 4.13 ระบุว่า เดือนละครั้ง
ร้อยละ 2.58 ระบุว่า อาทิตย์ละวัน
ร้อยละ 2.07 ระบุว่า เกือบทุกวัน (3-5 วัน/สัปดาห์)
ร้อยละ 0.34 ระบุว่า ทุกวัน (7 วัน/สัปดาห์)
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น. โดยภาพรวม พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 41.76 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว เพราะ เป็นเวลาที่ไม่ดึกมากจนเกินไป ไม่เป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของผู้ที่พักอาศัยอยู่ใกล้กับสถานบันเทิง
ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เพราะ เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศ ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย
ร้อยละ 17.56 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ เพราะ ควรเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ เป็นการเพิ่มช่วงเวลาในการหารายได้ให้กับผู้ประกอบกิจการสถานบันเทิง และกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวข้อง
ร้อยละ 8.32 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างดึกแล้ว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและปัญหาอาชญากรรมได้
ร้อยละ 4.35 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย เพราะ ไม่เป็นการส่งเสียงดังรบกวนการพักผ่อนของผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
ร้อยละ 4.27 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
ร้อยละ 0.08 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ ควรปิดสถานบันเทิง เวลา 03.00 น.
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง พบว่า
ร้อยละ 36.49 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว
ร้อยละ 30.29 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ
ร้อยละ 25.13 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ
ร้อยละ 6.37 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น.
ร้อยละ 0.52 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย
ร้อยละ 1.03 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
ร้อยละ 0.17 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ ควรปิดสถานบันเทิง เวลา 03.00 น.
ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า
ร้อยละ 45.95 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว
ร้อยละ 18.38 ระบุว่า ควรอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ
ร้อยละ 11.52 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ
ร้อยละ 9.88 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น.
ร้อยละ 7.41 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย
ร้อยละ 6.86 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงความมั่นใจของประชาชนต่อการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยภาพรวม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 27.71 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ และไม่ค่อยมั่นใจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน รองลงมา ร้อยละ 26.72 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 16.56 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 1.30 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับความมั่นใจต่อการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงจะช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว พบว่า
ร้อยละ 33.73 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ
ร้อยละ 27.20 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ
ร้อยละ 19.45 ระบุว่า มั่นใจมาก
ร้อยละ 18.93 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย
ร้อยละ 0.69 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า
ร้อยละ 32.92 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย
ร้อยละ 28.12 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ
ร้อยละ 22.91 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ
ร้อยละ 14.27 ระบุว่า มั่นใจมาก
ร้อยละ 1.78 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจเมาแล้วขับ โดยภาพรวม พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 46.41 ระบุว่า จำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว
ร้อยละ 38.02 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
ร้อยละ 8.17 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด
ร้อยละ 5.80 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
ร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาเฉพาะความคิดเห็นของผู้ที่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 581 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจเมาแล้วขับ พบว่า
ร้อยละ 48.54 ระบุว่า จำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว
ร้อยละ 34.60 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
ร้อยละ 8.43 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด
ร้อยละ 7.57 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
ร้อยละ 0.86 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ส่วนความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยไปเที่ยวสถานบันเทิง (จำนวน 729 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า
ร้อยละ 44.72 ระบุว่า จำนวน ด่านตรวจเมาแล้วขับปัจจุบันเหมาะสมดีแล้ว
ร้อยละ 40.74 ระบุว่า ควรเพิ่มจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
ร้อยละ 7.96 ระบุว่า ควรยกเลิกด่านตรวจเมาแล้วขับทั้งหมด
ร้อยละ 4.39 ระบุว่า ควรลดจำนวนด่านตรวจเมาแล้วขับ
ร้อยละ 2.19 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.63 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.55 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 18.01 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.44 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.66 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.71 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.02 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.98 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 10.15 มีอายุ 20-25 ปี ร้อยละ 18.40 มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.54 มีอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 27.48 มีอายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.43 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.18 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.28 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.54 นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 34.12 สถานภาพโสด ร้อยละ 63.13 สมรส และร้อยละ 2.75 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 25.50 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 34.50 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.01 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 27.10 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.89 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.85 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 16.41 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.30ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 11.68 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 17.71 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 19.92 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 3.13 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 19.85 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 21.14 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 30.69 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.92 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.43 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 4.35 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.62 ไม่ระบุรายได้