กทม.จัดประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ เฝ้าระวัง 9 โรคติดต่อระบาดหนักช่วงนี้ COVID-19, ฝีดาษลิง, ไข้เลือดออก, ไข้ปวดข้อยุงลาย, ชิคุนกุนยา, ไวรัสซิกา, ไข้หวัดใหญ่, ไวรัสเอชพีวีและโรคพิษสุนัขบ้า โฟกัวไข้หวัดใหญ่ ป่วยพุ่ง 2 เท่าจากปี 65 เร่งจัดสรรวัคซีนเพิ่ม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 ตุลาคม 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2566 โดยนายชัชชาติ ได้แจ้งที่ประชุมว่า เนื่องจากคณะกรรมการฯ ชุดเดิมได้หมดวาระดำรงตำแหน่งลงจึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการในคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครชุดใหม่ขึ้น และวันนี้เป็นการประชุมติดตามสถานการณ์ในปัจจุบัน เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ ที่มีการระบาดเพิ่มขึ้นสูงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการนำข้อมูลเรียนคณะกรรมการฯ ทราบ
@เฝ้าระวัง 9 โรคคนติดเยอะ
ด้านนางทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า สำหรับการประชุมวันนี้เป็นการติดตามโรคที่มีผู้ติดเชื้อค่อนข้างเยอะ จำนวน 9 โรค ได้แก่ COVID-19, ฝีดาษลิง, ไข้เลือดออก, ไข้ปวดข้อยุงลาย, ชิคุนกุนยา, ไวรัสซิกา, ไข้หวัดใหญ่, ไวรัสเอชพีวีและโรคพิษสุนัขบ้า
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ไม่น่ากังวลแต่ยังเปิดให้บริการสามารถเข้ามาฉีดวัคซีนป้องกันได้ รวมถึงสถานการณ์โรคฝีดาษลิง ผู้ติดเชื้อก็ลดลงจาก 2 เดือนที่แล้ว แต่ก็ยังคงเตือนให้ระวังในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม ผู้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ระมัดระวังตัวขึ้น ในขณะเดียวกันสถานที่ต่างๆ ก็มีการทำความสะอาดดีขึ้น ด้านโรคไข้เลือดออกโดยสถิติเห็นสัญญาณมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จึงมีความเป็นได้ว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูฝน จากนั้นได้เฝ้าระวังทำให้พบว่าตัวเลขสูงขึ้น และกำหนดมาตรการเชิงรุก เช่น การฉีดยุง กำจัดลูกน้ำยุงลายตามแหล่งเพาะพันธุ์ และประชาสัมพันธ์เรื่องการเฝ้าระวังอาการ ขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยลดลง แต่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์เช่นกัน เนื่องจากช่วงเวลานี้ยังคงมีฝนตกอยู่ตลอด และมีบางเขตที่ยังคงมีการระบาดมากอยู่
ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม.
@ไข้หวัดใหญ่ป่วยพุ่ง 2 เท่าจากปี 65 เร่งจัดสรรวัคซีนเพิ่ม
สำหรับโรคไข้หวัดใหญ่ ตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นสูงมากถึง 2 เท่าของค่ามัธยฐานเมื่อเทียบจากปีที่ยังไม่มีการใส่หน้ากากอนามัย สำหรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะผลิตเป็นล็อตในแต่ละปี ของกทม. หลังได้รับการจัดสรรมาก็ฉีดไปกว่า 95% แล้ว โดยเฉพาะ 7 กลุ่มเสี่ยงได้แก่ หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี ผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) โรคอ้วน (น้ำหนัก> 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ แต่ตัวเลขก็ยังมีจำนวนมากอยู่ วันนี้จึงประชุมเพื่อหาแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรที่ทำให้สามารถจัดสรรวัคซีนได้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถฉีดได้มากขึ้นในปีต่อไป และจากข้อมูลในปีนี้มีผู้ป่วยในกลุ่มเด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา (ป.1-ป.3) เพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่ได้มีอาการรุนแรงแต่อาจนำเชื้อไปแพร่สู่กลุ่มเสี่ยงที่บ้าน ดังนั้นกทม.คาดว่าในปีหน้าจะทำการฉีดเพิ่มขึ้นในกลุ่มนี้
สำหรับมาตรการป้องกันไวรัสเอชพีวีที่เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูก โดยปกติกทม. มีการวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ให้กับเด็กชั้นป.5 อยู่แล้วทุกปี ยอดการฉีดกว่า 90% อีกทั้งตามนโยบายรัฐบาลต้องการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีน ดังนั้นก็จะมีการจัดสรรวัคซีนเพิ่มขึ้นเพื่อให้ครอบคลุม
สำหรับการประชุมในวันนี้ที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์โรคติดต่อที่สำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ COVID-19 ฝีดาษลิง ไข้เลือดออก ไข้ปวดข้อยุงลาย ชิคุนกุนยา ไวรัสซิกา ไข้หวัดใหญ่ ไวรัสเอชพีวีและโรคพิษสุนัขบ้า โดยสถานการณ์โรคต่างๆ มีจำนวนตัวเลขผู้ป่วยลดลง แต่ยังคงมีการติดตามและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น อีกทั้งพิจารณาเรื่องการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยที่ประชุมให้สำนักอนามัยนำข้อคิดเห็นจากคณะกรรมการฯ เพื่อนำไปพิจารณาถึงความเหมาะสม และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
อีกทั้งเห็นชอบให้สำนักอนามัยเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันไวรัสเอชพีวีในกลุ่มเป้าหมายนักเรียนหญิงชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (หรืออายุ 11 - 20 ปี) ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข และเห็นชอบให้ผลักดันการสร้างพื้นที่ปลอดโรคพิษสุนัขบ้า ตามโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี