รองโฆษกนายกเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อแก๊งทวงหนี้ผิดกม. แนะหากถูกข่มขู่ให้ตั้งสติ-รวบรวมหลักฐาน-ดำเนินคดี ด้านศคง.เผย 3 ข้ออ้างกฎหมายเจ้าหนี้ชอบใช้ขู่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า มีประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อการหลอกลงทุนและการปล่อยกู้ผ่านออนไลน์ แม้หน่วยงานภาครัฐและธนาคารพาณิชย์จะออกเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อขบวนการดังกล่าวแล้วก็ตาม และที่พบมากขึ้นคือการที่แก๊งมิจฉาชีพส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ทวงถามหนี้เงินกู้ พร้อมชักชวนให้ทำการกู้เงินในวงเงินเพิ่มเติม
จึงขอแนะนำให้ประชาชนหากถูกแก๊งทวงหนี้ แอบอ้าง ข่มขู่ ตั้งสติให้ดี แล้วทำการบันทึกข้อมูลการสนทนา ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยเพื่อใช้ในการดำเนินคดีภายหลัง หากพบเห็นเบาะแสการกระทำผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย โดยศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ได้รวบรวมข้ออ้างที่คนทวงหนี้ใช้บ่อย ซึ่งมักอ้างกฎหมายมาขู่ให้ลูกหนี้กลัว ดังนั้น สิ่งที่ลูกหนี้ต้องรู้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ เช่น
- การขู่ว่าเป็นหนี้ไม่จ่ายจะติดคุก ซึ่งความจริงคือ การไม่จ่ายหนี้ไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายอาญา แต่เจ้าหนี้สามารถฟ้องร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้
- จะมีการยึดทรัพย์ทันทีถ้าไม่จ่าย ซึ่งความจริงคือ เจ้าหนี้ต้องฟ้องร้องต่อศาลจนคดีถึงที่สุดก่อน
- การโทรทวง เช้า กลางวัน เย็น ไม่สามารถทำได้ กฎหมายให้ทวงหนี้ได้วันละ 1 ครั้งเท่านั้น
ทั้งนี้ ถ้าประชาชนถูกทวงถามหนี้ที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ลูกหนี้สามารถร้องเรียน หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน โทร.1213
โดยกฎหมายกำหนดไว้ว่าการติดตามทวงหนี้ ซึ่งมีลักษณะการพูดจาข่มขู่ ดูหมิ่น การเปิดเผยข้อมูลการเป็นหนี้ของลูกหนี้ การใช้ความรุนแรงทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย อาจจะถูกดำเนินคดีในข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.บ.การทวงถามหนี้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนผู้ที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-500,000 บาท
และการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท และหากมีการตรวจสอบพบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด ก็อาจมีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เอกสารเพิ่มเติม : พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558