'ประวิตร' เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติ ปี 65-67 สั่งเร่งเชื่อมกล้อง CCTV-ใช้ AI ย้ำเร่งนำเทคโนโลยีมาใช้ดูแลความปลอดภัย-สร้างความเป็นธรรมในสังคม จ่อชงเข้า ครม. มอบหมาย มท.-สตช.ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุม คณะกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) ทั่วประเทศ ครั้งที่ 1/65 ผ่านระบบ VTC ณ ห้องประชุมมูลนิธิป่ารอยต่อฯ เพื่อเร่งขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั่วประเทศ
โดยที่ประชุมรับทราบความคืบหน้า การดำเนินงานของ มท. ในแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบกล้อง CCTV และการเร่งรัดคัดเลือกกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จำนวนร้อยละ 20 ของจำนวนกล้องทั้งหมด รวม 75,476 ตัวในแต่ละจังหวัดแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมเชื่อมโยงและจัดเก็บข้อมูลภาพที่ระบบบริหารจัดการส่วนกลางต่อไป และรับทราบแผนเร่งรัดบูรณาการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในพื้นที่บริเวณแนวชายแดนและด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว ปี 65 รวมทั้งแนวทางการจัดหาระบบกล้อง CCTV ในพื้นที่ กทม.และจว.ต่างๆ
จากนั้นได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ ( ร่าง ) แผนปฏิบัติการเชื่อมโยงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ( CCTV ) ทั่วประเทศ ปี 65 - 67 มุ่งใช้ประโยชน์ ทั้งการป้องปรามและเฝ้าระวัง การสืบสวนและสอบสวน รวมทั้งการจราจร มีวัตถุประสงค์ ขับเคลื่อนการเชื่อมโยง รวมทั้งกำหนดรูปแบบและมาตรฐานระบบกล้องและการเชื่อมโยง โดยให้นำแผนเสนอ ครม. และมอบให้ มท. และ ตร. ดำเนินการตามแผน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระบบ CCTV ทั่วประเทศอย่างเป็นรูปธรรม และปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการเชื่อมโยงระบบฯ ให้ครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำนโยบายรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญและต้องการเร่งรัดบูรณาการเชื่อมโยงระบบกล้องวงจรปิดทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้เป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคมส่วนรวมโดยตรง ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและเพิ่มความเป็นธรรมในสังคม โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาในภาพรวม มีความล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นมาก ดังนั้นการขับเคลื่อนบูรณาการเชื่อมโยงระบบ จึงต้องให้ความสำคัญและต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน
พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับ ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งซ่อมแซมกล้องที่เสียจำนวนมากให้สามารถใช้งานได้ โดยกำหนดจุดติดตั้งให้เหมาะสม และสั่งการให้ มท.และ ตร. ร่วมกันนำขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลโดยเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จชต.และพื้นที่ชายแดน รวมทั้งเมืองใหญ่ โดยให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งขอให้ ดส.พิจารณาขับเคลื่อนการเชื่อมโยงระบบและระบบ AI มาใช้บูรณาการข้อมูลจากระบบกล้องไปพร้อมๆกัน เพื่อเร่งดูความปลอดภัยของประชาชนและเพิ่มความเป็นธรรมในสังคมให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่