กระทรวงสาธารณสุขรณรงค์หญิงตั้งครรภ์เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด หลังพบอัตราติดเชื้อ เสียชีวิตสูง ตั้งเป้าหมาย 1 เดือน 1 แสนราย เริ่ม 13 ก.ย. - 13 ต.ค.2564 เพื่อลดความรุนแรงโรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2564 ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงานเดือนแห่งการรณรงค์หญิงตั้งครรภ์เข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด '1 เดือน 1 แสนราย' ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และการเข้าถึงระบบบริการสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเมื่อเกิดการติดเชื้อจะมีอาการที่รุนแรงหรือเสียชีวิตได้ และยังส่งผลให้ทารกมีโอกาสคลอดก่อนกำหนด ส่งผลกระทบในระยะยาวต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของทารกที่เป็นกำลังหลัก ในการพัฒนาประเทศในอนาคต รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้น
ซึ่งจากการสำรวจการติดเชื้อโควิดในหญิงตั้งครรภ์ หลังคลอด 6 สัปดาห์ และทารกแรกเกิด ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 9 ก.ย.2564 พบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ 3,223 ราย เสียชีวิต 73 ราย คิดเป็น 2.26% และทารกแรกเกิดติดเชื้อ 154 ราย คิดเป็น 8.89% ดังนั้นกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงเมื่อเกิดการติดเชื้อโควิด ต้องเร่งให้ได้รับวัคซีนโดยเร็ว เพื่อลดความรุนแรงของโรค ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้อาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนเพื่อให้หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตรได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง ภายใต้กิจกรรมเดือนแห่งการรณรงค์หญิงตั้งครรภ์เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด โดยมีเป้าหมายคือ '1 เดือน 1 แสนราย' เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. – 13 ต.ค.2564
ทางด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ จากข้อมูลเมื่อวันที่ 29 ส.ค. – 9 ก.ย.2564 มีหญิงตั้งครรภ์ได้รับวัคซีนแล้ว ทั้งหมด 68,435 ราย เข็มที่ 1 จำนวน 53,697 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 14,559 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 179 ราย ถือว่ายังน้อยมาก เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์ยังมีความกังวลใจและไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน แม้ว่าจะได้มีการสื่อสารและให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและวัคซีนผ่านช่องทางต่าง ๆ แล้ว
จึงต้องเร่งรณรงค์ และสร้างกระแสให้สังคมเกิดความตระหนักว่าหญิงตั้งครรภ์ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้เข้ารับวัคซีนป้องกันโควิด ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต นอกจากนี้วัคซีนในแม่สามารถส่งต่อภูมิคุ้มกันโรคให้ลูกได้ด้วย ซึ่งหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน สามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage