ผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 270 ราย รักษาหายอีก 432 ราย เสียชีวิต 2 ราย กรมราชทัณฑ์เผยเรือนจำพ้นการระบาดเพิ่ม 2 แห่ง รวมไม่มีการระบาดแล้ว 108 แห่ง
--------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 270 ราย มาจากการพบในเรือนจำสีแดง 235 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 35 ราย รักษาหายเพิ่ม 432 ราย เสียชีวิต 2 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อ ที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,968 ราย แบ่งเป็น กลุ่มสีเขียว 86.69 สีเหลือง 12.98 และสีแดง 0.5% เป็นพื้นที่ กทม. 219 ราย ปริมณทล 1,708 ราย และต่างจังหวัด 4,041 ราย
นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้ มีเรือนจำที่พันการระบาตเพิ่ม 2 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร และเรือนจำจังหวัดสงขลา อีกทั้งไม่พบเรือนจำระบาตเพิ่ม ทำให้มีเรือนจำสีแดงที่พบการระบาดลดลงอยู่ที่ 34 แห่ง และเรือนจำสีชาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 108 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 46,220 ราย หรือ 87.3% ของผู้ติดเชื้อสะสม 52,923 ราย เสียชีวิตสะสม 84 ราย คิดเป็นอัตรา 0.169 ของผู้ติดเชื้อสะสม
สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางสมุทรสงครามและเรือนจำกลางปัตตานี เป็นกลุ่มเปราะบาง และมีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบ
พีธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิดเป็นที่เรียบร้อย
นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล มีแนวโน้มที่ดีขึ้นค่อนข้างมาก โดยจะพบว่าสถิติย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1-14 ส.ค.2564 มีจำนวนผู้ติดเชื้อระหว่างรักษา ลดลงไปกว่า 44.5% ขณะที่พื้นที่ด่างจังหวัด ลดลงเพียง 9.3% เนื่องจากเป็นพื้นที่พบการระบาตใหม่ทำให้ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการเร่งตรวจคัตกรองเชิงรุก เพื่อให้เข้าสู่แผนการรักษา และแผนการสิ้นสุดการระบาดของโรค หรือ EXIT ได้อย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบัน มีเรือนจำสีแดงที่เข้าสู่แผน EXIT แล้ว จำนวน 18 แห่ง ซึ่งได้เริ่มทยอย EXIT ไปแล้วตั้งแต่ตันเดือน ส.ค.เป็นต้นมา
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage