ผู้ต้องขังติดเชื้อใหม่ 375 ราย รักษาหายอีก 1,090 ราย เสียชีวิต 1 ราย กรมราชทัณฑ์เผยไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เน้นย้ำทุกฝ่าย รักษามาตรการป้องกันเชื้อเข้าและออกอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้นำเชื้อระบาดภายนอก
------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2564 นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ยังคงไม่พบเรือนจำระบาดเพิ่มต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดง 35 แห่ง และเรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด 107 แห่งคงเดิม
ขณะที่ ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 375 ราย มาจากพบในเรือนจำสีแดง 239 ราย และในห้องแยกกักโรคต้องขังรับใหม่ 136 ราย รักษาหายเพิ่ม 1,090 ราย เสียชีวิต 1 ราย มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 6,063 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสีเขียว 82.9% สีเหลือง 16.7% และสีแดง 0.4% เป็นพื้นที่ กทม. 348 ราย ปริมณฑล 1,716 ราย และต่างจังหวัด 3,999 ราย ซึ่งมีแนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่อง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 45,494 ราย หรือ 87% ของผู้ติดเชื้อสะสม 52,263 ราย เสียชีวิตสะสม 80 ราย คิดเป็นอัตรา 0.15% ของผู้ติดเชื้อสะสม
สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางขอนแก่น ซึ่งจากข้อมูลพบเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว และสูงอายุ แม้ว่าได้ดำเนินการดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งได้เสียชีวิตลง ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิดเป็นที่เรียบร้อย
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ยธ.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของภายนอกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานป้องกันเชื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการกักโรคที่ต้องเคร่งครัดและเหมาะสมตามหลักระบาดวิทยา รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ต้องป้องกันตนเองให้ดี ไม่เข้าไปในสถานที่เสี่ยง และในระหว่างปฏิบัติงานต้องสวมใส่ชุดและอุปกรณ์ป้องกันอย่างถูกต้อง หมั่นทำความสะอาดพื้นที่และฆ่าเชื้ออยู่เสมอ โดยเฉพาะการตรวจเชื้อก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง และในเรือนจำสีแดงต้องตรวจเพื่อยืนยันผลอีกครั้งก่อนออก รวมถึงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้พ้นโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2564 ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบและรอบคอบ เพื่อไม่ให้มีการนำเชื้อไปแพร่ระบาดภายนอกเรือนจำโดยเด็ดขาด
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดในกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบผู้ติดเชื้อเป็นเจ้าหน้าที่เพิ่มอีก 2 ราย จากเดิมมีเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ 15 ราย ขณะที่เด็กและเยาวชนติดเชื้อคงที่ที่ 37 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 54 ราย ผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 45 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 11 แห่ง อยู่ระหว่างการรอตรวจและรอผล 3 แห่ง และติดเชื้อ 8 แห่ง สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้น 132 ราย หรือคิดเป็น 3.14% จากทั้งหมด 4,197 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็น 3,794 ราย หรือคิดเป็น 86.75% จากทั้งหมด 4,373 ราย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage