คลัสเตอร์เรือนจำติดเชื้อใหม่ 810 ราย รักษาหายเพิ่ม 357 ราย เสียชีวิต 2 ราย ราชทัณฑ์เผยการระบาดพื้นที่ กทม.ดีขึ้น ส่วนปริมณฑล-ต่างจังหวัด ยังอยู่ระหว่างเร่งควบคุมโรค
---------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2564 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 810 ราย มาจากพบในเรือนจำสีแดง 743 ราย และ พบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 67 ราย รักษาหายเพิ่ม 375 ราย และเสียชีวิต 2 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 7,683 ราย เป็นกลุ่มสีเขียว 83.3% สีเหลือง 16.3% และสีแดง 0.4%
นายอายุตม์ กล่าวว่า วันนี้ พบเรือนจำที่แพร่ระบาดเพิ่มที่เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีเรือนจำสีแดงเพิ่มขึ้นรวม 28 แห่ง เรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดลดลงอยู่ที่107 แห่ง และสิ้นสุดการระบาดแล้ว 7 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 38, 748 ราย หรือ 82.5% ของผู้ติดเชื้อสะสม 46,983 ราย เสียชีวิตสะสมรวม 60 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1%
สำหรับผู้เสียชีวิต 2 รายในวันนี้ เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางบางขวาง และเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี จากข้อมูลพบว่าเป็นผู้ป่วยสูงอายุ มีโรคประจำตัว และอาการอื่นร่วม ทำให้มีความรุนแรงของโรคมากกว่าปกติ ผู้ป่วยได้รับรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้นจนกระทั่งเสียชีวิตลงในที่สุด กรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิดเป็นที่เรียบร้อย
นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์ของเรือนจำโดยรวม พบว่าพื้นที่ กทม.ดีขึ้น มีจำนวนผู้ติดเชื้อระหว่างรักษา 1,303 ราย ขณะที่ปริมณฑล 2,126 ราย และพื้นที่ต่างจังหวัด 4,254 ราย ทั้งนี้ยังคงอยู่ระหว่างการเร่งคันหาผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมตามแนวทางสาธารณสุข คือ การคัดกรองรวดเร็ว (Early Detection) ตรวจวินิจฉัยรวดเร็ว (Early Diagnosis) รักษารวดเร็ว (Early Treatment) ซึ่งจะช่วยให้ควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว (Early Containment ทั้งด้วยวิธี RT-PCR, Antigen Test Kit (ATK) และการเอกซเรย์ ที่ได้จัดส่งไปตามเรือนจำที่แพร่ระบาด พร้อมด้วยยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรเพื่อช่วยปฏิบัติงาน ภายใต้การประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาลแม่ข่าย สำนักงานสาธารณสุข และหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้สามารถควบคุมโรคและการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage