'กรมการแพทย์' ลดเวลารักษาผู้ป่วยโควิด 'ไม่มีอาการ-อาการน้อย' ในรพ. เหลือ 10 วัน

'กรมการแพทย์' ออกแนวทางปฏิบัติ การวินิจฉัน การดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อใน รพ. ระบุให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่อาการน้อยได้ พร้อมลดเวลารักษาผู้ป่วย 'ไม่มีอาการ-อาการน้อย' สำหรับจังหวัดที่มีปัญหาการบริหารเตียงเหลือ 10 วัน 

.............................................

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2564 กรมการแพทย์ได้ออก แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีติดโควิด สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขฉบับปรับปรุง วันที่ 25 มิ.ย.2564 มีใจความสำคัญว่า การรักษาผู้ป่วยโควิด ในผู้ป่วยเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี หากไม่มีอาการ แพทย์จะรักษาตามดุลยพินิจ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการ ไม่รุนแรง และไม่มีปัจจัยเสี่ยง จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นเวลา 5 วัน กรณีมีอาการ ไม่รุนแรง แต่มีความเสี่ยงเล็กน้อย จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์เบื้องต้นเป็นเวลา 5 วัน หรืออาจนานกว่านั้นหากอาการยังมาก และสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวม หายใจเร็วผิดปกติ จะให้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นเวลา 5-10 วัน

ซึ่งขนาดยาฟาวิพิราเวียร์ในผู้ป่วยเด็ก จะต้องให้ยาในวันแรกจะต้องกินยา 60 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ส่วนวันต่อมาจะกินยาวันละ 20 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง

ขณะที่ผู้ใหญ่ สำหรับผู้มีน้ำหนักน้อยกว่า 90 กิโลกรัม วันแรกให้กิน 1,800 มิลลิกรัม หรือ 9 เม็ด วันละ 2 ครั้ง วันต่อมาให้กิน 800 มิลลิกรัม หรือ 4 เม็ด วันละ 2 ครั้ง และสำหรับผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม วันแรกให้กิน 2,400 มิลลิกรัม หรือ 12 เม็ด วันละ 2 ครั้ง วันต่อมาให้กิน 1,000 มิลลิกรัม หรือ 5 เม็ด วันละ 2 ครั้ง

"โดยมีคำแนะนำในการดูแลรักษาเพิ่มเติมว่า การให้ยาฟาวิพิราเวียร์ เป็นยาช่วยลดปริมาณไวรัสได้ดี ดังนั้นควรให้ยาเร็ว ก่อนผู้ป่วยจะมีอาการหนัก และพิจารณาผู้ป่วยที่มีอาการมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีโรคร่วม ควรเริ่มให้ยาเร็วที่สุด" กรมการแพทย์ ระบุ

ส่วนการให้ยาฟาวิพิราเวียร์ในหญิงตั้งครรภ์นั้น หากหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ไม่มีอาการไม่รุนแรง และไม่มีปอดอักเสบ ให้รักษาตามอาการ แต่หากมีปอดอักเสบอาจพิจารณาใช้ยาตัวอื่นคือ remdesivir ส่วนหญิงตั้งครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 และ 3 นั้น หากแพทย์พิจารณาว่าจะได้ประโยชน์จากยาฟาวิพิราเวียร์มากกว่าความเสี่ยง อาจให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ได้ โดยมีการตัดสินใจร่วมกับผู้ป่วยและญาติ

"ทั้งนี้ การพิจารณาการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาโควิด ซึ่งมีสรรพคุณในการลดอาการไข้ หวัด และเจ็บคอ จะให้ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการน้อย ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโควิดที่รุนแรง และไม่มีข้อห้ามต่อการใช้ จากข้อมูลศึกษาเบื้องต้นยาฟ้าทะลายโจรช่วยลดโอกาสการเกิดโรคปอดอักเสบได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้กำลังมีการศึกษาเพิ่มเติม และยังไม่แนะนำให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อปองกันการติดเชื้อโควิด เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลการศึกษาผลการใช้ฟ้าทะลายโจรร่วมกับยาต้านไวรัสชนิดอื่น" กรมการแพทย์ ระบุ

ซึ่งขนาดยาฟ้าทะลายโจร สำหรับผู้ใหญ่ ให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรชนิดยาเม็ดที่มีสารฟ้าทะลายโจรชนิดสารสกัด (extract) หรือผงบด (crude drug) ซึ่งระบุปริมาณของสาร andrographolide ให้ได้ 180 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน แบ่งให้กิน 3 ครั้ง ก่อนอาหาร กินติดต่อกัน 5 วัน และให้เริ่มยาเร็วที่สุดหลังการติดโควิด ส่วนผู้ป่วยเด็กนั้น ยังไม่แนะนำให้ใช้ในการรักษา เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ

@ ลดเวลารักษาผู้ป่วย 'ไม่มีอาการ-อาการน้อย' เหลือ 10 วัน รับมือปัญหาเตียงไม่พอ

นอกจากนี้ กรมการแพทย์ได้ระบุถึงการจำหน่ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาล สำหรับจังหวัดที่มีปัญหาการบริหารเตียง ว่า ผู้ติดเชื้อโควิดที่สบายดี หรือไม่มีอาการ และผู้ป่วยอาการน้อย อาจให้อยู่โรงพยาบาล 10 วัน และกลับไปกักตัวที่บ้านอีก 4 วัน จนครบ 12 วัน นับจากวันที่ตรวจพบเชื้อ

ทั้งนี้เมื่อได้ออกจากโรงพยาบาลก่อน ระหว่างกักตัวที่บ้าน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการปฏิบัติตน มีใจความสำคัญว่า หากมีอาการป่วยเกิดขึ้นใหม่ หรืออาการเดิมมากขึ้น เช่น ไข้สูง ไอมาก เหนื่อย แน่นหน้าอก หอบ หายใจไม่สะดวก เบื่ออาหาร ให้ติดต่อสถานพยาบาล หากต้องเดินทางมาจากสถานพยาบาล แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยระหว่างเดินทางตลอดเวลา

หลังจากครบกำหนดการกักตัวตามระยะเวลานี้แล้ว สามารถประกอบกิจกรรมทางสังคม และทำงานได้ตามปกติตามแนวทางวิถีชีวิตใหม่ เช่น การสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำความสะอาดมือ การรักษาระยะห่าง เป็นต้น

ภาพจาก: ผู้จัดการออนไลน์

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่https://www.facebook.com/isranewsfanpage/