เผยแพร่มติ คกก.ป.ป.ช. ชี้มูล 'กิตติ กันตังกุล' นายก อบต.กันตังใต้ -พวก 2 ราย คดีทุจริตเบี้ยเลี้ยงพระยารัษฎาเกมส์ 62,640 บาท - ลูกสาว โดนด้วยผิดวินัยไม่ร้ายแรงกรณีซื้อชุดกีฬา ให้ออกจากราชการ
.........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2564 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดตรัง ได้เผยแพร่ข่าวมติคณะกรรมการป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายกิตติ กันตังกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กันตังใต้กับพวก คดีทุจริตกรณีจัดโครงการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาท้องถิ่น “พระยารัษฎาเกมส์” ครั้งที่ 11 เป็นเงินทั้งสิ้น 62,640 บาท
ระบุว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา นายกิตติ กันตังกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกันตังใต้กับพวก ทุจริตกรณีในการจัดโครงการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาท้องถิ่น “พระยารัษฎาเกมส์” ครั้งที่ 11 เป็นเงินทั้งสิ้น 62,640 บาท นั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว ในการประชุมครั้งที่ 55/2564 กรณีการเบิกจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงตามโครงการจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาท้องถิ่น “พระยารัษฎาเกมส์” ครั้งที่ 11 เป็นเงินทั้งสิ้น 62,640 บาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดว่าการกระทำของนายกิตติ กันตังกุล มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1
นางสาวบุญญดา เม่งอำพัน ผู้อำนวยการกองคลัง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสาวโสภีดา เป้าทอง นักวิชาการการศึกษา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใด ในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ส่วนนางสาวอรพินท์ บุษบา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฎพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นางสาวอรพินท์ บุษบา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล เห็นควรให้ข้อกล่าวหาตกไป
ข้อกล่าวหาที่ 2 กรณีการจัดซื้อชุดกีฬา จำนวน 5 รายการ และวัสดุในการฝึกซ้อม จำนวน 5 รายการ
ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฏพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายกิตติ กันตังกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาทางอาญาตกไป
แต่การกระทำของนายกิตติ กันตังกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิด ฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
การกระทำของนางสาวอรพินท์ บุษบา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางสาวบุญญดา เม่งอำพัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสาวสุลัดดา กันตังกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ไม่ปรากฎพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า นางสาวอรพินท์ บุษบา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางสาวบุญญดา เม่งอำพัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสาวสุลัดดา กันตังกุล ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาทางอาญาตกไป
แต่การกระทำของนางสาวอรพินท์ บุษบา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางสาวบุญญดา เม่งอำพัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสาวสุลัดดา กันตังกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และนโยบายของรัฐบาลโดยไม่ให้เสียหายแก่ทางราชการ ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดตรัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์ และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายกิตติ กันตังกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 นางสาวบุญญดา เม่งอำพัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนางสาวโสภีดา เป้าทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ให้ส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายกิตติ กันตังกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับนางสาวอรพินท์ บุษบา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นางสาวบุญญดา เม่งอำพัน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 นางสาวโสภีดา เป้าทอง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และนางสาวสุลัดดา กันตังกุล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1), (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า นอกจากทั้ง 2 คดีนี้ แล้ว นายกิตติ กันตังกุล ยังมีคดีเรียกรับโบนัสที่อยู่ระหว่างชั้นไต่สวนของป.ป.ช.ด้วย
ส่วน นางสาวสุลัดดา กันตังกุล เป็นลูกสาวของ นายกิตติ กันตังกุล
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/