ครม.อนุมัติใช้เงินกู้ 1.4 แสนล้าน เดินหน้า 4 โครงการลดผลกระทบโควิด ‘คนละครึ่งเฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้-เพิ่มกำลังซื้อผู้มีบัตรสวัสดิการ-ช่วยกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ’ ขณะที่ ‘คลัง’ คาดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างน้อย 4.5 แสนล้าน
...........................
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 กรอบวงเงินทั้งสิ้น 140,380 ล้านบาท ครอบคลุมประชาชน 51 ล้านคน ประกอบด้วย 4 โครงการ ได้แก่
1.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.65 ล้านคน วงเงิน 16,380.19 ล้านบาท โดยช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้า) และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 เดือนละ 200 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.2564
2.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ได้ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ทุพพลภาพ ผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้น 2.5 ล้านคน วงเงิน 3,000 ล้านบาท โดยช่วยเหลือค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้า และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ เดือนละ 200 บาทต่อคน เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.2564
3.โครงการมาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือ ‘คนละครึ่งเฟส 3’ วงเงิน 93,000 ล้านบาท โดยมีประชาชนที่เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 31 ล้านคน วงเงิน 93,000 ล้านบาท โดยรัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50% หรือไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน สำหรับค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป และค่าบริการอื่นๆ อาทิ นวด สปา ทำผมทำเล็บ ค่าเดินทางโดยบริการขนส่งสาธารณะ หรือขนส่งมวลชนสาธารณะ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ
ทั้งนี้ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเติมเงินผ่านแอปเป๋าตังทุกๆ 3 เดือน โดยรอบแรกเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.2564 จำนวน 1,500 บาทต่อคน และรอบเดือน ต.ค.-ธ.ค.2564 จำนวน 1,500 บาทต่อคน ส่วนจะเติมเงินวันใดนั้น กระทรวงการคลังจะกำหนดรายละเอียดอีกครั้ง
สำหรับผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เข้าเคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 1 จำนวน 10 ล้านคน และโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 จำนวน 5 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่เพียงแต่กดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ก็จะได้รับสิทธิโดยอัตโนมัติ และกลุ่มที่ต้องลงทะเบียนใหม่ 16 ล้านคน ซึ่งกระทรวงการคลังจะแจ้งกำหนดวันลงทะเบียนอีกครั้ง
4.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ กลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน วงเงิน 28,000 ล้านบาท โดยประชาชนที่ร่วมโครงการและชำระเงินค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ ยกเว้นสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และยาสูบ ผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการ จะได้รับวงเงินสนับสนุนในรูปของบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher)
ส่วนวงเงินใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher จะอยู่ที่ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน โดยจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนตามขั้นบันไดที่กำหนดไว้ ได้แก่ ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน
ทั้งนี้ สิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินใน g-Wallet ทุกต้นเดือนถัดไป โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้
น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า มาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด ที่ ครม.มีมติเห็นชอบ 4 โครงการนั้น ประชาชนจะสามารถเข้าร่วมได้เพียงคนละ 1 โครงการเท่านั้น
เช่น หากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งได้สิทธิในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประสงค์จะรับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้แทน จะต้องสละสิทธิการเป็นผู้มีบัตรฯ โดยขอให้นำบัตรฯ มาคืนที่กรมบัญชีกลางหรือสำนักงานคลังจังหวัด ภายในวันที่ 7 มิ.ย.2564 และจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
สำหรับการลงทะเบียนและการใช้จ่ายของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีรายละเอียดและระยะเวลาดำเนินโครงการในเบื้องต้น ดังนี้
1.ประชาชนผู้สนใจที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีบัตรประจำตัวประชาชน ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ได้ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.2564 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.2564 เวลา 06.00 น.–22.00 น. โดยผู้ที่เคยใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ (g-Wallet) แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว สามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
ส่วนประชาชนที่ไม่เคยใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ของโครงการที่ต้องการเข้าร่วม ทั้งนี้ หากผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ประสงค์จะเปลี่ยนไปรับสิทธิอีกโครงการหนึ่งแทน จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิอีกโครงการหนึ่ง ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2564 และถือเป็นการสละสิทธิโครงการที่ได้รับสิทธิเดิม
2.ประชาชนที่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 และโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่สาขาหรือตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทยฯ หรือผู้ที่มีแอปพลิเคชัน KrungthaiNext
และเมื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้วจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมแต่ละโครงการได้ในเบื้องต้นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.2564 ในเวลา 06.00 น. – 23.00 น. ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายเงินเพื่อนำมาคำนวณสิทธิได้ในช่วงเดือนก.ค.-30 ก.ย.2564 และใช้ e-Voucher ได้ในช่วงเดือน ส.ค.-31 ธ.ค.2564
สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 หรือโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป เวลา 06.00 น.–22.00 น. โดยผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” แล้ว ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง .com หรือ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้ .com หรือสาขาหรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทยฯ
น.ส.กุลยา กล่าวว่า กระทรวงการคลังคาดว่า ‘โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้และโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 4.54 แสนล้านบาท แบ่งเป็นโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่จะทำให้มีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจเป็นเงิน 2.68 แสนล้านบาท และโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจอีก 1.86 แสนล้านบาท
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage