ครม.อนุมัติเพิ่มค่า ‘พาหนะ’ ส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 เดินทางด้วยรถยนต์ไม่เกิน 50 กม. ชดเชยไม่เกิน 500 บาท สนับสนุนค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล-ค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อพาหนะไม่เกิน 3,700 บาท แก้นิยามให้ครอบคลุมถึงผู้ป่วยที่แพ้วัคซีน
......................
เมื่อวันที่ 27 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการการให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่ประชาชน โดยจะให้ความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลเกี่ยวกับโควิด-19 ให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น การดูแลรักษากรณีฉีดวัคซีนแล้วพบอาการข้างเคียง และการให้ค่ายานพาหนะในการส่งต่อผู้ป่วย
นอกจากนี้ ครม.อนุมัติร่างประกาศขยายเวลาและยกเว้นภาษีขาเข้าสำหรับอุปกรณ์ที่นำมาใช้รักษา วินิจฉัยหรือป้องกันโรคโควิดออกไปอีก 1 ปีหรือถึง มี.ค.2565
พล.อ.ประยุทธ์ ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามเกี่ยวกับความเข้มแข็งพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากเรามองเศรษฐกิจรายครัวเรือนก็อาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่หากมองเศรษฐกิจในภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจไทยยังมีการขยายตัว และวันนี้ได้รับรายงานว่าดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจขยายตัวสูงสุดในรอบหลายเดือน ทั้งด้านอุตสาหกรรม พาณิชย์ และมีแนวโน้มกำลังซื้อจากต่างประเทศมากขึ้น
"มันเป็นวิกฤติที่มีโอกาส มีวิกฤติโควิด ก็มีโอกาสที่เราจะส่งสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหาร และพืชผลทางการเกษตร ซึ่งหลายอย่างก็มีปัญหาอยู่ในโลก อย่างเรื่องอาหารการกิน เราก็ต้องหาศักยภาพเราให้เต็มที่ แล้วใช้นโยบายของรัฐบาลในการดำเนินการต่อไปในการคิดต่อกับประเทศต่างๆทั้งทวิภาคี และพหุภาคี” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมครม.ได้มีการออกมาตรการแพร่ระบาดโควิด-19 เพิ่มเติม รวมถึงหารือมาตรการที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเราต้องทำทั้ง 2 อย่างคู่ขนานกันไป ส่วนเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณต่างๆในการดูแลต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าจะมากน้อยเพียงใด ตามงบประมาณที่เรามีอยู่ และกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 (ฉบับที่ 3)
โดยกำหนดให้เพิ่มค่าพาหนะส่งต่อผู้ป่วยในอัตราค่าใช้จ่ายตามคู่มือแนวทางปฏิบัติในการขอรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของสำนักงาน และค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล รวมค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อพาหนะ ส่งต่อผู้ป่วยในบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้าย ในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19
เช่น ค่ารถยนต์ส่งต่อผู้ป่วยระยะทางไม่เกิน 50 กิโลเมตร จ่ายชดเชยตามจริงไม่เกิน 500 บาท ระยะทางไปกลับมากกว่า 50 กิโลเมตร จ่ายชดเชยเริ่มต้น 500 บาท และจ่ายชดเชยเพิ่มกิโลเมตรละ 4 บาท ,ค่าเรือหรือแพขนานยนต์ส่งต่อผู้ป่วย จ่ายชดเชยตามระยะทางและชนิดของเรือ อาทิ ระยะทางไปกลับ 5-15 กิโลเมตร เรือหางยาวเร็ว 1,200 บาท ,เรือเร็ว 2,000 บาท ,เรือเร็ว 2 เครื่องยนต์ 5,000 บาท ระยะทางไปกลับ 101 กิโลเมตรเป็นต้นไป เรือเร็ว 35,000 บาท เป็นต้น
ส่วนค่าอากาศยานปีกหมุนหรือเฮลิคอปเตอร์นั้น กรณีเฮลิคอปเตอร์ 1 เครื่องยนต์ ชั่วโมงบินละ 40,000 บาท เฮลิคอปเตอร์ 2 เครื่องยนต์ ชั่วโมงบินละ 80,000บาท เฮลิคอปเตอร์ 3 เครื่องยนต์ ชั่วโมงบินละ 120,000 บาท และเฮลิคอปเตอร์ 4 เครื่องยนต์ ชั่วโมงบินละ 160,000 บาท
สำหรับค่าอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล รวมค่าทำความสะอาดฆ่าเชื้อพาหนะจ่ายตามจริงไม่เกิน 3,700 บาท
น.ส.ไตรศุลี ระบุว่า หลักเกณฑ์ดังกล่าว ให้ยกเลิกนิยามเดิมของคำว่า ‘ค่าใช้จ่าย’ และให้ใช้ข้อความว่า ‘ค่าใช้จ่ายหมายความว่า ค่าใช้จ่ายจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การรักษาพยาบาล หรือการส่งต่อผู้ป่วย และให้หมายความรวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอาการแพ้วัคซีน หรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนที่ปรากฏตามบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื่อนไขนี้’ แทน
พร้อมกันนั้น ยังกำหนดยกเลิกนิยาม ‘ผู้ป่วย’ เดิม และให้ใช้ข้อความ ‘ผู้ป่วย หมายความว่า ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 และให้หมายความรวมถึง บุคคลกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 โดยการฉีดวัคซีนจากสถานพยาบาลที่ภาครัฐกำหนด และเกิดอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีน’ แทน
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ที่มีแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.2563 เป็นต้นไป เว้นแต่ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากอาการแพ้วัคซีนหรืออาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากการฉีดวัคซีนให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.2564 เป็นต้นไป
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage