กรมควบคุมโรครายงานสถานการณ์โควิดประจำวัน ป่วยเพิ่ม 2,839 ราย เสียชีวิต 8 ราย ทำให้ยอดรวมเพิ่มเป็น 129 ราย รักษาอยู่ใน รพ.สะสมรวม 22,327 ราย อาการหนัก 418 ราย - ศบค.แจงจำนวนตัวเลขสูงเพราะรอสะสางข้อมูล พร้อมขยาย Hospitel เพิ่มอีก 4 แห่ง เตรียมรับผู้ป่วยรอเตียงในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ยันเตียงเพียงพอ ไม่วิกฤต
--------------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทย ว่า ตามข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ณ เวลา 07.00 น. วันที่ 24 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา มีรายงานการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 8 ราย ทำให้จำนวนรวมผู้เสียชีวิตปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 129 ราย
สำหรับจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 2,839 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย เป็นผู้ป่วยหรือติดเชื้อในประเทศ 2,827 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยมาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการรัฐ จำนวน 2,523 ราย ส่วนที่เหลือมาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน โรงงาน สถานที่เสี่ยง 304 ราย
จากรายงานข้อมูลใหม่ดังกล่าว ทำให้จำนวนรวมผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศไทย ทั้งหมดอยู่ที่ 53,022 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 30,566 ราย กำลังรักษาตัว 22,327 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 17,924 ราย อยู่รพ.สนามและอื่นๆ 4,403 ราย
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ที่กำลังรักษาตัวอยู่ มีผู้ป่วยอาการหนัก 418 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ถึง 113 ราย
@ เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย เป็นผู้สูงวัย-มีโรคประจำตัว
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่ม 8 ราย
ผู้เสียชีวิตรายที่ 122 เป็นชาย อายุ 48 ปี อาศัยอยู่สมุทรปราการ มีประวัติเดินทางไปสถานบันเทิงย่านศรีนครินทร์ มีโรคประจำตัวเป็นโรคอ้วน มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ และถ่ายเหลว ต่อมาตรวจพบเชื้อ พบปอดอักเสบ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 123 เป็นหญิง อายุ 83 ปี อาศัยอยู่ กทม. มีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลืด มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน มีอาการไข้ อ่อนเพลีย ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 124 เป็นชาย อายุ 89 ปี อาศัยอยู่ กทม. เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีโรคประจำตัวเป็นมะเร็งลำไส้ มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน มีอาการไข้ ไอ หายใจลำบาก ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 125 เป็นชาย อายุ 63 ปี อาศัยอยู่ กทม. มีโรคประจำตัวเป็นความดียโลหิตสูง และเก๊าท์ มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน มีอาการไข้ ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 126 เป็นชาย อายุ 68 ปี อาศัยอยู่ฉะเชิงเทรา มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด และหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน มีไข้ ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 127 เป็นหญิง อายุ 82 ปี อาศัยอยู่สมุทรปราการ มีโรคประจำตัวเป็นมะเร็งปากมดลูก มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน ตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 128 เป็นชาย อายุ 75 ปี อาศัยอยู่นครสวรรค์ มีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด และต่อมลูกหมากโต มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน มีอาการไอ เจ็บคอ ครั่นตัว ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
ผู้เสียชีวิตรายที่ 129 เป็นชาย อายุ 62 ปี อาศัยอยู่นนทบุรี มีโรคประจำตัวเป็นไตวายเรื้อรัง มีประวัติสัมผัสเดินทางไปสถานบันเทิง มีอาการเหนื่อย ต่อมาตรวจพบเชื้อ และเสียชีวิต
@ 10 อันดับจังหวัด มีจำนวนผู้ติดรายใหม่สะสมสูงสุด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุดว่า ระหว่างวันที่ 1-24 เม.ย.2564 ประกอบด้วย กทม. ติดเชื้อเพิ่ม 1,582 ราย สะสม 7,097 ราย เชียงใหม่ ติดเชื้อเพิ่ม 151 ราย สะสม 2,985 ราย ชลบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 119 ราย สะสม 1,784 ราย นนทบุรี ติดเชื้อเพิ่ม 96 ราย สะสม 1,036 ราย สมุทรปราการ ติดเชื้อเพิ่ม 84 ราย สะสม 989 ราย ปทุมธานี ติดเชื้อเพิ่ม 59 ราย สะสม 469 ราย สมุทรสาคร ติดเชื้อเพิ่ม 57 ราย สะสม 601 ราย สุราษฎร์ธานี ติดเชื้อเพิ่ม 46 ราย สะสม 356 ราย นครสวรรค์ ติดเชื้อเพิ่ม 38 ราย สะสม 208 ราย และสงขลา ติดเชื้อเพิ่ม 34 ราย สะสม 399 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย ประกอบด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย บาเรนห์ 1 ราย โอมาน 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย และอินเดีย 7 ราย
ทั้งนี้ มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 130,620 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 100,367 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 30,253 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 1,095,445 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 834,082 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 130,743 ราย
@ ยอดตัวเลขสูงเพราะข้อมูลซ้ำ รอการสะสาง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ ที่มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้น สาเหตุจากเป็นตัวเลขสะสมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อวานเพียงวันเดียว แต่เป็นตัวเลขสะสมที่รอการสะสางข้อมูล เนื่องจากมีการส่งชุดข้อมูลซ้ำกัน จึงต้องมีการสะสางเลขประจำตัวหลายรอบ โดยมีการรวมศูนย์อยู่ที่เดียว คือ กรมควบคุมโรค และมีการสะสางข้อมูลโดยศูนย์ระบาดวิทยา เมื่อมีตัวเลขสะสมเข้ามามาก จึงมีการทำงานที่เร่งรีบ และตัวเลขเกิดการสะสมหลายวัน
@ คลัสเตอร์ร้านอาหาร จ.สุโขทัย เชื่อมโยง กทม.
นพ.ทวีศิลป์ ได้กล่าวถึงคลัสเตอร์ร้านอาหาร จ.สุโขทัย ว่า มีผู้ติดเชื้อเชื่อมโยงกรณีนี้แล้ว 21 ราย หญิง 13 ราย ชาย 9 ราย เสียชีวิต 1 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวน แบ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับร้านอาหาร 14 ราย และนำไปสู่การติดเชื้อในครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความกังวลใจ และยังมีเหตุเชื่อมโยงมาจาก กทม.ด้วย ส่วนรายละเอียดขอให้รอฟังจากการแถลงของกระทรวงสาธารณสุขในช่วงบ่ายอีกครั้ง
@ ศบค.แจงคุมเข้มมาตรการป้องกัน กำชับ มท. และ ตร.กำกับดูแล
นพ.ทวีศิลป์ เปิดเผยถึงการประชุม ศบค. ชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาคลัสเตอร์ต่างๆ ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยกำหนดอยู่ใน 3 ส่วนหลักของการแพร่เชื้อ คือ ตัวบุคคล กิจการ และกิจกรรม จากการรวมข้อมูลการติดเชื้อรอบนี้ พบว่า มีสาเหตุอยู่ 6 ประการ ได้แก่ ติดเชื้อในสถานที่ทำงานทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน การพบ และรับประทานอาหารร่วมกัน การติดเชื้อในครอบครัว การมั่วสุม รวมตัวทำกิจกรรมเสี่ยง โดยไม่รักษาระยะห่าง การรวมตัวทำกิจกรรมของผู้สูงอายุ และผู้ติดเชื้อให้ข้อมูลไทม์ไลน์คลาดเคลื่อน ขาดจุดสำคัญ รวมถึงอาจจะเกิดจากการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะด้วย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้เน้นย้ำในการปฎิบัติตามมาตรการส่วนบุคคล สวมหน้ากากและเว้นระยะห่าง ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ สถานที่ทำงาน ขนส่งส่งธารณะคุมเข้มมาตราการป้องกันโรค อีกทั้งขอความร่วมมือทั้งหน่วยยงานภาครัฐและเอกชนให้มีการทำงานที่บ้าน หรือเวิร์กฟอร์มโฮม พร้อมให้กระทรวงมหาไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจกำกับดูแลภารกิจตามข้อกำหนดของ ศบค.อย่างเคร่งครัด
@ ภาพรวมเตียงทั่วประเทศยังพอ ไม่วิกฤต
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงสถานการณ์เตียงรองรับผู้ป่วยโควิด ว่า สำหรับเรื่องจำนวนเตียงที่ว่าเตียงไอซียูจะไม่พอ วันนี้มีการนำเสนอในที่ประชุมของกระทรวงสาธารณสุข ภาพรวมทั่วประเทศ มีเตียงทุกชนิด 40,524 เตียง ได้แก่ ห้องแยกความดันลบ 704 เตียง ห้องเตียงรวมความดันลบ 1,688 เตียง ห้องแยก 9,206 ห้อง cohort ward หรือหอผู้ป่วยแยกโรค ที่รับเฉพาะกลุ่มโควิดเดียวกัน 22,435 เตียง ฮอสพิเทล (Hospitel) 158 เตียง และโคฮอร์ทไอซียู 6,333 เตียง โดยอัตราครองเตียงทั้งประเทศ 19,386 เตียง คิดเป็นร้อยละ 47.8 เตียงว่าง 21,138 เตียง พร้อมกล่าวย้ำว่าอยากให้เข้าใจภาพรวมทั้งประเทศว่าไม่วิกฤตอย่างที่คิด แต่ที่บอกไปเมื่อวาน คือ ภาพรวมของ กทม.
นพ.ทวีศิลป์ กล่าว ทั้งนี้ กทม.และปริมณฑล มีเตียงรวม 16,422 เตียง ครองเตียง 11,075 เตียง อัตราครองเตียง ร้อยละ 67.4 เตียงว่าง 5,347 เตียง โดยเตียงห้องแยกความดันลบจาก 69 เตียง เป็น 74 เตียง ห้องรวมความดันลบจาก 69 เตียง เป็น 72 เตียง โดยมีการบริหารจัดการเตียง และมีการจัดการหมุนเวียนระหว่างคนไข้ที่อาการดีขึ้นออกจาก ทำให้ตัวเลขมีการเปลี่ยนแปลงไปมา
ทั้งนี้ข้อดี ในพื้นที่ กทม. คือ มีหลายหน่วยงาน บุคลากรทางการแพทย์กระจุกตัวสูงมาก ตอนนี้ทำงานเต็มที่เพื่อให้ผู้รอเตียงใน กทม.เข้ามารับการรักษาให้ได้มาก พยายามขยายเตียงของ รพ.ทุกสังกัด อย่าง รพ.สนามก็ขยายออกไปจนรองรับได้ โดยเคสโควิดส่วนใหญ่อาการดี ไม่มาก สามารถนำมาอยู่ตรงนี้
@ เตรียม hospital เพิ่ม 4 แห่ง รองรับผู้ป่วยรอเตียง
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีของผู้ป่วยติดเชื้อโทรศัพท์เข้าเบอร์สายด่วนเพื่อหาเตียงแล้ว โทรไม่ติดหรือไม่มีการรับสาย รวมถึงหาเตียงไม่ได้ ไม่มีเตียงว่าง รอจนเสียชีวิต ว่า มีผู้รอเข้ารับการรักษา รอเตียงในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล 2,013 ราย เพิ่มขึ้น 590 ราย โดยเมื่อวานนนี้ดำเนินการจัดการคนรอเตียงเข้าไป รพ. แล้ว 714 ราย
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ทางอธิบดีกรมการแพทย์ และ รมช.สธ. มีการประชุมหารือเพื่อเตรียม รพ.สนาม หรือ hospital ไว้รองรับ 4 แห่ง สำหรับผู้ป่วยรอเตียงในวันนี้ และจะเจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับ สอบสวนอาการ และรับเข้ารักษาตามสถานที่ที่จัดให้ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน ทั้งนี้ขอให้ผู้ป่วยรอรับสาย และเตรียมตัวไป รพ.สนาม หรือ Hospitel เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายสายที่เจ้าหน้าที่แจ้งว่ามี 146 สาย ที่ได้โทรกลับไปแล้ว แต่ไม่มีคนอยู่รอรับสาย และบางรายก็ปฏิเสธการส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลที่จัดให้ ดังนั้นทางทีมแพทย์จึงฝากขอความร่วมมือให้รับสายและเข้ารับการรักษาโดยแอดมิดในโรงพยาบาลที่ทางรัฐจัดให้ด้วย
@ เก็บข้อมูลเตรียมพร้อมยกระดับการดูแล ภายใน 2 สัปดาห์
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงมาตรการการรับมือสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้น ว่า ศบค.อยู่ระหว่างการพิจารณารวบรวมข้อมูล พร้อมยกระดับดูแลประชาชนในภาพรวม แต่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลว่า กลุ่มก้อนไหนที่เป็นปัญหา และมีการเพ่งเล็งกิจกรรมและกิจการ ส่วนการยกระดับต้องดูพื้นที่ อาจจะเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด จะพิจารณาเป็นส่วนไป ทั้งนี้อาจจะมีข้อเสนอต่อไปในครั้งหน้า เพราะอยู่ระหว่างประเมินสถานการณ์ในรอบ 2 สัปดาห์อยู่
@ ทั่วโลกป่วย 896,922 ราย สะสม 146.226 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 896,922 ราย รวม 146,226,350 ราย อาการหนัก 109,892 ราย หายป่วย 124,018,466 ราย เสียชีวิต 3,099,315 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 66,515 ราย รวม 32,735,704 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 790 ราย รวม 585,075 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 345,147 ราย รวม 16,602,456 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,621 ราย รวม 189,549 ราย บราซิล พบเพิ่ม 65,971 ราย รวม 14,238,110 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,866 ราย รวม 386,623 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 105 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/