นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่หนอกจอง ตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนามเอราวัณ 2 เผย รอลุ้น 2 สัปดาห์ คุมโควิดไม่อยู่ อาจต้องใช้ยาแรงขึ้น ยอมรับให้คนต่อสายด่วนโควิด ไม่มีคนรับสายเช่นกัน เมิน 'ทักษิณ' เสนอตัวคุย 'ปูติน' เพื่อจัดหาวัคซีนเพิ่ม ย้ำอย่าถามถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในไทยย
----------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมโรงพยาบาลสนาม ที่ ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก (โรงพยาบาลสนามเอราวัณ 2) พร้อมเปิดเผยว่า จากการเยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลสนามเอราวัณ 2 มีความพอใจในการเตรียมการ ซึ่งทราบว่า อีกหลายพื้นที่อยู่ระหว่างการเตรียมการและสามารถรองรับได้เกือบ 3,000 เตียง ขอให้เข้าใจตรงกันว่า เรามีผู้ป่วย 3 ระดับคือสีแดง สีเหลือง และสีเขียว ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาอยู่โรงพยาบาลสนามนั้นคือผู้ป่วยสีเขียวเพื่อมากักตัว 14 วัน ขอให้อดทนกันสักนิดเพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้ป่วยสีแดงกับสีเหลือง จะต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งวันเดียวกันนี้มีการเตรียมไว้ประมาณ 500 คน เพื่อเข้าสู่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ในส่วนของโรงพยาบาลที่จะรับผู้ป่วยสีแดงและสีเหลือง พบว่ามีปัญหาเล็กน้อยในเรื่องของจำนวนเตียงจึงได้เตรียมในส่วนของ Hospitel หากโรงแรมใดมีความประสงค์ที่จะเข้าร่วม ขอให้เสนอความต้องการเข้ามา ส่วนหนึ่งก็เป็นการช่วยเหลือกันในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลทั้งสองทาง
“ยืนยันว่ารัฐบาลมีความพร้อมในการรับสถานการณ์ แม้จะดูแรงขึ้น เราก็ขอดูซักระยะหนึ่งกราฟจะขึ้นหรือลง ถ้าเราสามารถควบคุมได้ ก็จะเป็นไปตามขั้นตอนที่เราวางแผนไว้ สำหรับโรงพยาบาลสนามถ้าผมป่วย ผมก็มาอยู่ เพราะน่าอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเราก็ดูแลดีที่สุดแล้ว บางประเทศที่ติดโรคกันเยอะๆ นอนเตียงละ 2 คนก็มี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
@ลุ้น 2 สัปดาห์สถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้ยาแรงขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของวัคซีนวันนี้ได้สอบถามจากทุกหน่วยงานก็ไม่ได้ช้าเกินไป ซึ่งวัคซีนที่เข้ามาก็ต้องทยอยแจกตามพื้นที่ความเสี่ยงและลำดับความสำคัญ ไม่ใช่ว่าจะฉีดเข็มเดียวให้ทุกคนไปก่อน เพราะต้องเตรียมความเสี่ยงไว้ด้วย เนื่องจากเข็มที่สองนั้นสำคัญถ้าไม่ได้ฉีดก็อาจจะมีปัญหา อย่าลืมว่าอาจเกิดปัญหาการส่งมอบ เพราะวันนี้ปัญหาเกิดขึ้นทั้งโลก ทุกคนต้องการวัคซีนทั้งหมด ส่วนการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมนั้น เราเปิดเสรีให้นำเข้าได้แต่ต้องผ่านกติกา เพราะเป็นวัคซีนที่ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่มีใครรับผิดชอบได้นอกจากรัฐบาล ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนไปหมดแล้ว
“ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนของเราปลอดภัย แต่ก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของทุกคน และขอร้องให้ช่วยกันฟังช่องทางของรัฐบาลมากหน่อย ทุกคนต้องตั้งใจฟัง เพราะเรื่องสลับซับซ้อน ถ้าไปมัวอ่านความคิดเห็นทั่วไปก็ไม่รู้จะไปเชื่อใคร ไม่ได้ฟังรัฐบาลทำให้เกิดปัญหา ผมไม่ได้โทษใคร ถ้ามันไม่ดี ผมก็ต้องรับผิดชอบ ยืนยันเราทุกคนพร้อมที่จะแก้ปัญหานี้ อะไรที่เดือดร้อน อะไรที่เป็นปัญหา รัฐบาลนี้จะเป็นคนดูแลให้กับทุกคน และจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุดพร้อมๆกันไป ทุกคนทราบดีว่าปัญหาของเราอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งทุกคนก็ต้องร่วมมือกัน อะไรก็ตามที่ไม่เป็นประโยชน์ อ่านได้แต่อย่าไปเชื่อทั้งหมด รัฐบาลเองก็เต็มที่แล้ว หากมาตรการคุมไม่อยู่ มันต้องแรงขึ้น ซึ่งทุกคนคงไม่อยากไปถึงจุดนั้น ขอให้เข้าใจตรงกัน เห็นใจประชาชนทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งรัฐบาลกำลังเตรียมมาตรการด้านเศรษฐกิจ ขอเวลาสักนิด เพราะต้องเตรียมงบประมาณ แนวทาง หลายคนเสนอง่ายๆ ให้แจกเงินไป แต่ทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะงบประมาณเรามีจำกัด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุการแพร่ระบาดโควิดที่ทองหล่อ เนื่องจากมีไฮโซ 6 คนไปบ่อนการพนันที่ประเทศกัมพูชาและนำเชื้อแพร่ ตรงนี้ได้รับรายงานแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตรวจสอบอยู่แล้ว ส่วนมาตรการการลงโทษ ตนก็รับทราบตามที่มีบางฝ่ายเสนอ ซึ่งตนเห็นด้วย เรื่องนี้ขอไม่ตอบแล้ว แต่ยอมรับว่าเรื่องที่ถามมานั้นเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่ ไม่ใช่ประเด็นวันนี้ ที่ตนเดินทางมาโรงพยาบาลสนามจึงไม่ขอพูด
เมื่อถามว่าหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจะมีการประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าสามารถควบคุมได้ ภายในสองสัปดาห์นี้ หากตัวเลขดีขึ้นถือว่าควบคุมได้ก็ไม่ต้องมีมาตรการที่หนักขึ้นกว่านี้ ใครอยากจะทำ เพราะถ้าทำไประยะแรกก็ดี แต่ต้องถามว่าวันนี้มันสมควรหรือไม่ ทุกอย่างจะต้องพิจารณาเป็นระยะไป
เมื่อถามว่า กรมควบคุมโรคได้รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในสิ้นเดือนนี้แนวโน้มจะดีขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีการประเมินอยู่และรายงานให้ทราบทุกวัน รวมทั้งการฉีดวัคซีน ตลอด 24 ชั่วโมงรับข่าวสารตลอด ซึ่งบริหารงานผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) และประสานกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือจากทุกคนเพราะไม่มีอะไรสมบูรณ์ 100% อย่างน้อยทำได้ 70-90% ก็ยังดีกว่าทำไม่ถึง วันนี้จะมีปัญหาอยู่ในหลายๆ
@ เผยต่อสายด่วนโควิด ไม่มีคนรับสาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีปัญหาของสายด่วนได้มีการกำชับให้เพิ่มสายด่วน 1669 และสายด่วน 1668 ในการติดต่อสื่อสารใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้เขากำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตนได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมเข้ามาช่วยด้วย โดยบูรณาการงานร่วมกัน ในส่วนคนรับสาย และจะมีการเพิ่มคู่สายให้มากขึ้น ยอมรับว่าได้ลองโทรศัพท์เข้าไปที่สายด่วนแล้วก็มีปัญหาเหมือนกัน แต่ต้องมาดูว่าที่ไม่รับสายนั้น มีสาเหตุอะไร โรงพยาบาลเต็มหรือไม่ วันนี้เรามีทั้งโรงพยาบาลเอกชนและโรงพยาบาลรัฐ ยังถือว่ารับไหว เพราะได้ขอความร่วมมือจากโรงพยาบาลเอกชนแล้ว ในส่วนรถพยาบาลก็ต้องรวมศูนย์รวมรถกันไว้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการบริหารความเข้าใจและความรู้สึกของคนไทย และร่วมมือกันอะไรที่มีปัญหาเราพร้อมที่จะแก้
@ เมิน 'ทักษิณ' อาสาคุย 'ปูติน' ขอวัคซีนเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอตัวประสานเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนโควิดกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไม่ถาม ไม่ตอบ อย่ามาถามถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย อย่ามาถาม ผมไม่รู้จัก ผมไม่รู้เรื่องเขา”
@ ยังไม่พับแผนเปิด 'ภูเก็ต' ขอดูการบริหารวัคซีนก่อน
เมื่อถามว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วเกิดอาการแพ้ 6 ราย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็บอกไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า มีความเสี่ยงอยู่ก็ต้องดูแลรักษาถ้ามันรุนแรง ก็ว่าไปตามขั้นตอนและมาตรการทางการแพทย์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะชี้แจงเอง ตนเห็นข่าวดังกล่าวแล้วก็เสียใจ
เมื่อถามว่าจะเดินหน้าเปิดประเทศในภูเก็ตโมเดลตามแผนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่เราจัดหาได้ ทั้งนี้มีผู้ที่ฉีดไปแล้ว 20% แบ่งเป็นสามส่วน ตนจึงได้สั่งการไปว่าในแต่ละส่วนขอให้ฉีดให้ได้ 60% ซึ่งยังมีเวลาจนถึงเดือน พ.ค. และในเดือน ก.ค.จึงจะมาดูอีกครั้งหนึ่ง ตนอยากจะเปิดให้ได้ แต่ไม่ใช่ว่าสุ่มสี่สุ่มห้าให้เปิด เราต้องมีการเตรียมความพร้อมทำให้พื้นที่มีความปลอดภัยเพราะต่างประเทศอยากมาเที่ยวเมืองไทยอยู่แล้ว ที่สำคัญเราจะต้องไม่ทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งกัน ไม่เช่นนั้นจะแก้ไขอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมีปัญหามีความรุนแรงเกิดขึ้นทั้งสิ้น
เมื่อถามว่าการที่รัฐมีนโยบายให้ผู้ป่วยมากักตัวในสถานที่ของรัฐ จะทำให้คนไม่กล้าออกมาตรวจโควิดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกฎหมายที่ทุกคนต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นความปลอดภัยของบุคคลอื่น ถ้าจะบอกว่าไม่กล้ามา แล้วจะให้ทำอย่างไร จะให้เจ้าหน้าที่ไปจับตัวมาอย่างนั้นหรือคงไม่ใช่ ถ้าไม่เห็นถึงความปลอดภัยของตัวเอง ครอบครัวของคนอื่น และสังคม ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage