ป่วยใหม่ 1,582 ราย ติดเชื้อในประเทศ 1,577 ราย พบมากสุดในกทม.-เชียงใหม่ รวมสะสม 39,038 ราย หายป่วยเพิ่ม 97 ราย และเหลือรักษาตัวอยู่ในรพ. 10,461 ราย ส่วนทั่วโลกป่วยสะสม 139.62 ล้านราย
...................................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2564 เวลา 11.30 น. นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,582 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,577 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 921 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 656 ราย และอีก 5 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 39,038 ราย หายป่วยเพิ่ม 97 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 10,461 ราย และเสียชีวิตสะสม 97 ราย
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ 1,577 ราย เป็นผู้ติดเชื้อตามพื้นที่ปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็น สถานบันเทิง 436 ราย แบ่งเป็น กทม. 73 ราย ปริมณฑล 51 ราย และจังหวัดอื่นๆ 312 ราย ตลาด ชุมชน ระบบขนส่ง 62 ราย ประกอบด้วย กทม. 6 ราย ปริมณฑล 11 ราย และจังหวัดอื่นๆ 45 ราย และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ 1,079 ราย ประกอบด้วย กทม. 233 ราย ปริมณฑล 140 ราย และจังหวัดอื่นๆ 706 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุด ระหว่างวันที่ 1-16 เม.ย.2564 ประกอบด้วย กทม. 2,697 ราย เชียงใหม่ 1,749 ราย ชลบุรี 855 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 625 ราย สมุทรปราการ 515 ราย นราธิวาส 330 ราย สมุทรสาคร 282 ราย ปทุมธานี 188 ราย นนทบุรี 174 ราย และสงขลา 162 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 5 ราย ประกอบด้วย ราชอาณาจักรกัมพูชา 1 ราย อียิปต์ 1 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย และยูเครน 1 ราย
ทั้งนี้มีผู้ที่ได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 4,724 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 3,096 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 1,628 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 586,032 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 510,456 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 75,576 ราย
@ ไทยติดเชื้อโควิดครบ 77 จังหวัด
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า วันนี้ถือว่าประเทศไทยพบการติดเชื้อครบ 77 จังหวัดแล้ว หลังจากระนอง พบการติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย ส่วนที่สตูล พบนักท่องเที่ยวหญิงชาวญี่ปุ่นติดเชื้อ 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติม
ทั้งนี้หากแบ่งพื้นที่ตามระดับการแพร่กระจาย จะพบว่า จังหวัดที่พบการติกเชื้อมากกว่า 100 ราย มี 13 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. เชียงใหม่ ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรปราการ นราธิวาส ปทุมธานี สระแก้ว นนทบุรี ระยอง ภูเก็ต นครปฐม
จังหวัดที่พบการติดเชื้อ 51-100 ราย มี 6 จังหวัด นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครราชสีมา อุบลราชธานี สงขลา
จังหวัดที่พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน 1-50 ราย มี 29 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย ลำพูน ลำปาง ตาก พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี ชัยนาท สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีนบุรี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อุดรธานี ชัยภูมิ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ปัตตานี
จังหวัดที่พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนภายในครอบครัว มี 20 จังหวัด ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน สุโขทัย สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี นครนายก สมุทรสงคราม ตราด มหาสาครคาม นครพนม หนองบัวลำภู เลย หนองคาย บึงกาฬ บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ มุกดาหาร พังงา พัทลุง
จังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อจากจังหวัดอื่น มี 8 จังหวัด ประกอบด้วย แพร่ น่าน พะเยา สกลนคร อำนาจเจริญ ระนอง ตรัง ยะลา
@ 10 คลัสเตอร์โควิด กระจายไป 7 จังหวัด
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงการระบาดเป็นกลุ่มก้อนที่พบมากขึ้นในช่วงวันที่ 10-15 เม.ย.2564 ว่า ขณะนี้ใน 7 จังหวัดได้เกิดการระบาดเป็นคลัสเตอร์ มีรายละเอียดดังนี้
เชียงใหม่ พบคลัสเตอร์ค่ายอาสาของนักศึกษา มีผู้ติดเชื้อรวม 34 ราย กระจายไป 13 จังหวัด
นครสวรรค์ พบคลัสเตอร์สถานบันเทิง มีผู้ติดเชื้อ 39 ราย และกระจายไป 2 จังหวัด
กาญจนบุรี พบคลัสเตอร์โรงเรียน มีผู้ติดเชื้อ 28 ราย
สงขลา พบคลัสเตอร์ในผับแห่งหนึ่งในหาดใหญ่ มีผู้ติดเชื้อ 16 ราย และคลัสเตอร์งานเลี้ยงรุ่น มีผู้ติดเชื้อ 8 ราย
นครราชสีมา พบคลัสเตอร์จากร้านอาหาร ใน อ.เมือง มีผู้ติดเชื้อ 14 ราย และคลัสเตอร์สังสรรค์คาราโอเกะ ใน อ.เมือง มีผู้ติดเชื้อ 5 ราย
นนทบุรี เป็นคลัสเตอร์งานสัมมนาในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง มีผู้ติดเชื้อ 19 ราย กระจายไป 8 จังหวัด
นครศรีธรรมราช พบคลัสเตอร์งานกิจกรรมรวมกลุ่มคน มีผู้ติดเชื้อ 20 ราย กระจายไป 3 จังหวัด และคลัสเตอร์งานบวช มีผู้ติดเชื้อ 10 ราย
"อยากชี้ให้เห็นว่า ตอนนี้พอมีความชุกชุม มีการระบาดอยู่เยอะ เราไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่า คนที่อยู่ใกล้ตัวหรือสถานที่ที่เราไปอาจมีความเสี่ยงอยู่ ดังนั้นการป้องกันตัวเอง ให้คำแนะนำดูแลคนในครอบครัวให้ดีที่สุด จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด" นพ.เฉวตสรร
@ สธ.ย้ำไม่ควรรวมกลุ่มใกล้ชิดในรพ.สนาม-ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกักตัวครบ ไม่มีอาการ ไม่ต้องตรวจหาเชื้อซ้ำ
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงกรณีการรวมกลุ่มของผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามว่า ผู้ป่วยภายในโรงพยาบาลสนามเป็นผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย ไม่มีลักษณะของการไอที่จะทำให้เชื้อฟุ้งกระจายได้เยอะ อย่างไรก็ตามการมีกิจกรรมร่วมกัน ควรหลีกเลี่ยง หากมีการคลุกคลีมากเกินไป อาจทำให้เชื้อฟุ้งกระจายเพิ่มขึ้น ดังนั้นควรรักษาระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย
อย่างไรก็ตาม สำหรับความกังวลต่อการมีอาการเพิ่มขึ้นภายในโรงพยาบาลสนาม นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า ในมาตรฐานของโรงพยาบาลสนามจะมีการติดตามและประเมินอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นหากพบว่ามีอาการเพิ่มมากขึ้น ผู้ป่วยจะถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับผู้สัมผัสเสี่ยงสูง หลังจากที่กักตัวครบ 14 วันแล้ว ไม่ต้องตรวจโควิดซ้ำอีก เนื่องจากก่อนหน้านี้ถูกตรวจหาเชื้อมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกตรวจเพื่อหาเชื้อ และตรวจอีกครั้งเมื่อครบ 7 วัน แต่ถ้าหากว่าช่วงท้ายมีอาการผิดปกติ จะมีการพิจารณาเฉพาะกรณีในการตรวจเพิ่มเติม
@ ทั่วโลกป่วย 836,306 ราย สะสม 139.67 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 836,306 ราย รวม 139,671,718 ราย อาการหนัก 106,874 ราย หายป่วย 118,719,166 ราย เสียชีวิต 2,999,274 ราย
โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 74,479 ราย รวม 32,224,139 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 895 ราย รวม 578,895 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 216,850 ราย รวม 14,287,740 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,183 ราย รวม 174,335 ราย บราซิล พบเพิ่ม 80,529 ราย รวม 13,758,093 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,774 ราย รวม 365,954 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 111 ของโลก
@ สายพันธุ์ใหม่ระบาด-รวมกลุ่ม-ขาดแคลนวัคซีน สาเหตุของการระบาดหนักในอินเดีย
นพ.เฉวตสรร กล่าวด้วยว่า จากการดูข้อมูล พบว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็วภายในอินเดีย มี 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ หลายสายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์อังกฤษ และสายพันธุ์ที่ผสมผสานกันของสายพันธุ์ใหม่ 2.การประกอบพิธีทางศาสนา อาบน้ำในแม่น้ำคงคา ซึ่งมีประชาชนมารวมอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ไม่มีการสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่าง และ 3. ขาดแคลนวัคซีนโควิด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage