'หมอประสิทธิ์' แนะประชาชนเลี่ยง 4 ปัจจัยเสี่ยง 'บุคคล-สถานที่-กิจกรรม-ช่วงเวลา' ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากลดได้จะปลอดภัย คาดฉีดวัคซีนให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ ช่วยควบคุมการระบาดของโควิดได้
.......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2564 ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์การฉีดวัคซีนโควิดทั่วโลกว่า ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 630 ล้านโดส และฉีดครบ 2 เข็มแล้ว 130 ล้านโดส
โดยวิเคราะห์สถานการณ์การฉีดวัคซีนทั่วโลก พบว่า หลายประเทศหลังได้รับวัคซีนส่วนมาก มีแนวโน้มการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลงในช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ.2564 แต่กลับพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นเทียบเท่าช่วงแรกของการระบาดอีกครั้งในเดือน มี.ค.2564 ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่อัตรา 2.2% เท่านั้น ถือว่าลดลงต่ำมากอย่างเห็นได้ชัด
"จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น หลังได้รับการฉีดวัคซีนนั้น แสดงให้เห็นถึงอุบัติการณ์ต่างๆ กลับเริ่มย้อนขึ้นมา คล้ายๆช่วงก่อนหน้าที่ไม่มีวัคซีน แต่อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์แยกรายประเทศพบว่า ในประเทศที่ฉีดวัคซีนเกิน 25% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ เช่น อิสราเอล และสหราชอาณาจักร สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ดี ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่ฉีดวัคซีนน้อยกว่า 25% กลับพบผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของวัคซีน ในการควบคุมการแพร่ระบาด" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า แม้ไทยจะมีการฉีดวัคซีนแล้ว แต่เป้าประสงค์ของวัคซีนนั้นเพื่อการลดอาการป่วย ไม่ใช่การป้องกันโรค ดังนั้นผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว สามารถรับเชื้อ และแพร่เชื้อได้เช่นเดียวกัน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ซึ่งจะมีการเคลื่อนย้ายของประชากรที่รอกลับบ้านเป็นจำนวนมาก จึงอยากขอให้ป้องกันคนที่ตัวเองรัก หรือผู้สูงอายุภายในบ้านให้ดี ด้วยการคำนึงถึง 4 ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ ได้แก่ 1.บุคคลเสี่ยง 2.สถานที่เสี่ยง 3.กิจกรรมเสี่ยง 4. ช่วงเวลาเสี่ยง หากเลี่ยงไม่ให้ทั้ง 4 ปัจจัยดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกัน หรือให้เกิดขึ้นพร้อมกันได้น้อยที่สุด ก็จะมีความปลอดภัย โดยอาจทำได้ด้วยการไม่คลุกคลีกับผู้เสี่ยง ไม่ไปในสถานที่แออัด ไม่ทำกิจกรรมเสี่ยง และหมั่นล้างมือ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/