'ก.สาธารณสุข' เผยไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 1.54 แสนโดส ขณะที่ 'แอสตร้าเซนเนก้า' กระจายไปแล้ว 5 จังหวัด 'สมุทรสาคร-นนทบุรี-ปทุมธานี-สมุทรปราการ-กทม.' รวม 7.97 หมื่นโดส
.........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิดในหน่วยบริการตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.2564 ที่ผ่านมาจนวันที่ 28 มี.ค. ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำฉีดวัคซีนจาก 2 บริษัท ได้แก่ วัคซีนซิโนแวค และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ให้กับประชาชนใน 13 จังหวัด รวมแล้ว 154,293 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 133,110 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 21,183 ราย
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 29 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีนไปยังพื้นที่ 13 จังหวัดรวมแล้ว 270,500 โดส แบ่งเป็น วัคซีนซิโนแวค จำนวน 190,720 โดส และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 79,780 โดส
สำหรับวัคซีนซิโนแวคได้ถูกจัดสรรไปยังพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ 3,520 โดส ตาก 5,000 โดส นครปฐม 3,560 โดส ราชบุรี 2,520 โดส สมุทรสงคราม 2,000 โดส นนทบุรี 6,000 โดส ปทุมธานี 8,000 โดส สมุทรปราการ 6,000 โดส กรุงเทพ 33,600 โดส สมุทรสาคร 30,580 โดส ภูเก็ต 4,000 โดส และสุราษฎร์ธานี 2,520 โดส
ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้น ขณะนี้ถูกจัดสรรไปยังพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร 30,000 โดส นนทบุรี 5,800 โดส ปทุมธานี 5,000 โดส สมุทรปราการ 5,000 โดส และ กทม. 33,980 โดส
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับประสิทธิภาพของวัคซีนมีหลากหลาย และมีน้ำหนักแตกต่างกัน ทั้งเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ การป่วย การนอนโรงพยาบาล การป่วยหนัก การตาย และการแพร่เชื้อ
"วัคซีนต้านโควิดที่ผ่านการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ต่างมีประสิทธิภาพป้องกันการป่วย การนอนโรงพยาบาล การป่วยหนัก และการตายได้ดีมาก เรียกว่ามีประสิทธิภาพถึง 4 กรณี คุ้มมากแล้ว หากเปรียบเทียบจากความเสี่ยงที่จะได้รับจากผลกระทบของโควิด" นพ.เฉวตสรร กล่าว
@ ตรวจเชิงรุกตลาดบางแค พบติดเชื้อรวม 660 ราย-การ์ดตกเป็นปัจจัยเสี่ยง
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดโควิดในกทม.ว่า ในช่วงวันที่ 11 - 12 มี.ค.2564 เป็นช่วงที่กทม.พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในพื้นที่ตลาดย่านบางแค และชุมชนโดยรอบ จากการตรวจคัดกรองหาเชื้อเชิงรุกรวมทั้งสิ้น 33,122 ราย ตรวจไม่พบเชื้อ 28,518 ราย พบติดเชื้อ 660 ราย และอยู่ระหว่างการรอผลตรวจ 3,994 ราย
"กทม.ได้ดำเนินมาตรการคุมเข้มในพื้นที่ตลาดบางแคและชุมชนโดยรอบ คือ ได้ปิดตลาด ปรับปรุงระบบสุขาภิบาล ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ฉีดวัคซีนโควิดเสริมภูมิคุ้มกันให้กับพ่อค้าแม่ค้า แรงงานไทยและต่างด้าว รวมถึงผู้อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบ และออกบัตรรับรองผลการตรวจโควิด ก่อนอนุญาตให้เข้าขายของในตลาด ซึ่งจะติดตามตรวจซ้ำ 1 เดือน"นพ.เฉวตสรรกล่าว
นพ.เฉวตสรร ยังกล่าวถึงการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในตลาดสด 6 แห่งย่านบางแคว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีแผงขายอาหารอยู่ปะปนกัน และไม่ได้จัดหมวดหมู่ ประกอบกับสามารถเข้าออกได้หลายทาง นอกจากนั้น ภายในตลาดไม่เคร่งครัดในสวมหน้ากากอนามัย และการรักษาสุขอนามัย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเกิดแพร่ระบาดและมีผู้ติดเชื้อล่าสุดรวม 660 ราย
สำหรับปัจจัยเสี่ยงการแพร่ระบาดในชุมชนบางแค พบว่ามีอยู่ด้วยกัน 4 ปัจจัย ได้แก่ 1.ที่พักในซอยบางแค 1 มีลักษณะเป็นทาวน์โฮม 3-4 ชั้น สร้างติดกัน ซึ่งทาวน์โฮมลักษณะนี้มีอยู่ในหลายซอย ขณะที่หนึ่งหลังจะมีหลายห้อง แต่ใช้ห้องน้ำรวม และมีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยเป็นจำนวนมาก
2.ชุมชนบางแคมีแรงงานต่างด้าวพักอาศัยเป็นจำนวนมาก ซึ่งปกติแล้วแรงงานต่างด้าวดังกล่าวมักจะคลุกคลีอยู่ด้วยกัน ทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อกระจายได้โดยง่าย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำโบชัวร์หลายภาษา เพื่อแจกให้กับประชาชนทั้งไทยและแรงงานข้ามชาติได้รับทราบข้อมูลและวิธีการรับมือกับโควิดแล้ว
3.สถานที่อยู่อาศัยไม่ถูกสุขลักษณะ มีขยะ และมีการถมน้ำลายตลอดทางเดินเข้าตึกที่พัก
4.ชุมชนคนไทยที่พักอาศัยอยู่โดยรอบ ไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องการทำความสะอาดมากนัก
@ สธ.ขอสงกรานต์ปีนี้ ระมัดระวังการเดินทาง-งดดื่มสุรา
นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่เตรียมตัวเดินทางในเทศกาลสงกรานต์นั้น รัฐบาลไม่มีข้อกำหนดหรือข้อห้ามใดๆในการเดินทาง แต่ประชาชนควรเดินทางด้วยความระมัดระวัง ป้องกันความเสี่ยงต่างๆ เพราะแม้ว่าจะมีการผ่อนปรนมาตรการ แต่ยังไม่ใช่การผ่อนคลาย 100% ดังนั้น จึงจำเป็นต้องรักษาระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย การล้างมือ สแกนอุณหภูมิ และยังต้องเคร่งครัดการใช้แอปพลิเคชันหมอชนะ แอปฯไทยชนะ ในการไปสถานที่ต่างๆด้วย
"เรื่องสุขภาพของเราไม่ได้มีแค่โควิด ในช่วงที่มีการเดินทางเยอะ อาจมีเรื่องการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังการเดินทาง หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา จะป้องกันความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และโควิดด้วย เนื่องจากเมื่อรวมกลุ่มกัน สุราจะทำให้การดำเนินมาตรการหละหลวม" นพ.เฉวตสรร กล่าว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่https://www.facebook.com/isranewsfanpage/