ฉีดวัคซีน 3.6 หมื่นราย ให้กลุ่มเป้าหมายระยะแรกครบแล้ว 5 จังหวัด 'แอสตร้าเซนเนก้า' ตรวจคุณภาพผ่านแล้ว ขณะที่จะได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 1.8 ล้านโดสปลายเดือนมี.ค.นี้ ส่วนการระบาดระลอก 3 จะเกิดขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชนยกการ์ดสูง
..................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์การกระจายวัคซีน วันนี้มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 6,612 ราย รวม 36,797 ราย แบ่งเป็น บุคลากรการแพทย์ สาธารณสุข และ อสม. 27,984 ราย เจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 7,718 ราย บุคคลที่มีโรคประจำตัว 680 ราย และประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 415 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า สำหรับจำนวนผู้รับวัคซีนโควิด สะสมรายจังหวัดทั้ง 13 จังหวัด ระหว่างวันที่ 28 ก.พ. - 10 มี.ค.2564 แบ่งเป็น เชียงใหม่ 1,699 ราย ตาก 1,875 ราย นนทบุรี 2,680 ราย ปทุมธานี 2,467 ราย สมุทรสาคร 11,854 ราย สมุทรสงคราม 1,000 ราย ราชบุรี 1,260 ราย นครปฐม 1,736 ราย สมุทรปราการ 2,631 ราย ชลบุรี 2,359 ราย ภูเก็ต 2,000 ราย สุราษฎร์ธานี 1,260 ราย และกทม. 3,976 ราย โดยมีจังหวัดสมุทรสงคราม ราชบุรี ชลบุรี ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี ที่ฉีดให้กลุ่มเป้าหมายระยะแรก เดือน มี.ค.2564 ครบแล้ว
อย่างไรก็ตามขณะนี้ไทยได้รับวัคซีนมาจำนวน 200,000 โดสแรกจะขอสงวนสิทธิ์ให้กับกลุ่มเสี่ยงที่เป็นบุคคลากรการแพทย์ เจ้าหน้าที่ และผู้มีโรคประจำตัวก่อน ขอให้ประชาชนที่ยังไม่มีรายชื่อในระบบหมอพร้อมหรือสถานพยาบาลใกล้บ้านอดใจรอกันอีกสักนิด ทั้งนี้ในสิ้นเดือนนี้จะได้รับวัคซีนเพิ่มมาอีก 800,000 โดส และในเดือนเม.ย. 2564 จะได้รับมาอีก 1 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนจากซิโนแวคจะครบ 2 ล้านโดสตามแผนพอดี และหลังจากนั้นจะเป็นการเข้ามาของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอีก 61 ล้านโดส
ขณะที่ความคืบหน้าการฉีดวัคซีนทั่วโลกนั้น นพ.เฉวตสรร กล่าวว่า มี 118 ประเทศ ที่ฉีดวัคซีนแล้ว โดยมีอัตราการฉีด 8.25 ล้านโดสต่อวัน ส่วน10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จำนวน 93.69 ล้านโดส จีน จำนวน 52.50 ล้านโดส สหภาพยุโรป 42.74 ล้านโดส อินเดีย 24.04 ล้านโดส สหราชอาณาจักร 23.77 ล้านโดส บราซิล 11.60 ล้านโดส ตุรกี 10.28 ล้านโดส อิสราเอล 8.92 ล้านโดส เยอรมนี 7.90 ล้านโดส และรัสเซีย 7.50 ล้านโดส
ทั้งนี้ สำหรับภูมิภาคเอเชีย มี 8 ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้ว รวมทั้งสิ้น 5,561,764 โดส ได้แก่ อินโดนีเซีย 4,534,798 โดส สิงคโปร์ 596,000 โดส มาเลเซีย 166,363 โดส เมียนมา 105,285 โดส กัมพูชา 89,506 ราย ฟิลิปปินส์ 35,669 โดส ไทย 33,621 โดส และเวียดนาม 522 โดส ตามลำดับ ส่วนลาวจะเริมฉีดในเดือนมี.ค.2564 และบรูไน จะเริ่มในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564
"ความรุนแรงของการระบาดของโควิด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัคซีนเพียงอย่างเดียว ถ้าหากเรามีการป้องกันตัวเองที่ดี และมีมาตรการที่ดีอยู่ สถานการณ์การระบาดก็ผ่อนคลาย และจะไม่มีการระบาดระลอกใหม่ๆ เกิดขึ้น" นพ.เฉวตสรร กล่าว
นพ.เฉวตสรร กล่าวเพิ่มเติมว่า โอกาสเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน และแนวนโยบายการควบคุมโรคของแต่ละประเทศ ว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ขณะนี้มีผลการวิจัยรายงานเพียงว่าวัคซีนสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ แต่ยังไม่มีผลปรากฏแน่ชัดว่าจะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้ ดังนั้นหากมีวิธีการป้องกันตนเองอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันยังคุมเข้มในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะช่วยลดความเสี่ยง และป้องกันการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดี
@ ความคืบหน้าสามีภรรยาติดโควิด เชื่อมโยง'ตลาดสี่มุมเมือง' พบติดเชื้อ 3 ราย
นพ.เฉวตสรร กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจคัดกรองเชิงรุกผู้สัมผัสเสี่ยงคู่สามีภรรยา เชื่อมโยงตลาดสี่มุมเมือง จังหวัดปทุมธานีว่า ขณะนี้ตรวจผู้สัมผัสร่วมภายในบ้าน จังหวัดปราจีนบุรีพัก 4 ราย ไม่พบติดเชื้อ ซึ่งยังต้องรอการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2
ขณะที่ผู้สัมผัสภายในโรงงานแห่งหนึ่งจังหวัดปทุมธานี ภายในร้านข้าวแกงที่ผู้ติดเชื้อทั้ง 2 รายประกอบอาชีพ ยังไม่พบพนักงานขายช่วงกะกลางวัน 7 รายติดเชื้อ แต่สำหรับพนักงานกะกลางคืนทั้ง 3 ราย พบสารพันธุกรรมทั้งหมด ซึ่งรายงานตรวจพบการติดเชื้อแล้ว ขณะเดียวกันการตรวจสอบหาเชื้อพนักงานภายในโรงงานจำนวน 1,428 ราย ไม่พบเชื้อ
นอกจากนั้นผู้ติดเชื้อรายดังกล่าว ได้เดินทางไปตรวจรักษาที่คลินิก และศูนย์การแพทย์ มศว.องครักษ์ จังหวัดนครนายก ทำให้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 39 ราย เสี่ยงต่ำ 8 ราย เป็นบุคลากรการแพทย์และผู้ป่วยภายในศูนย์การแพทย์ดังกล่าว ตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงแล้วไม่พบเชื้อทั้งหมด ยังต้องรอตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 อีกครั้ง ส่วนญาติผู้ป่วยรายอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค (ข่าวประกอบ: สธ.เผยรับวัคซีนแล้วเกือบ 3 หมื่น มีผลข้างเคียง 2,380 ยังไม่พบแพ้รุนแรง)
@ 'ปวดหัว-ปวดกล้ามเนื้อ' หลังฉีดวัคซีน แก้เบื้องต้นด้วยการกินยา-พักผ่อน
นพ.เฉวตสรร กล่าวตอบข้อซักถามกรณีมีอาการปวดหัว ปวดตามกล้ามเนื้อ หลังจากได้รับวัคซีนฉีดว่า อาการบางอย่างอาจจะเป็นปฏิกิริยาอย่างปกติ เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ซึ่งเหมือนกับเป็นสารแปลกปลอมอย่างหนึ่งที่จะเข้าสู่ร่างกาย โดยส่วนมากไม่จำเป็นที่จะต้องรักษาใดๆ หากปวดมาก สามารถกินยาได้ แต่หากกินยาและพักผ่อนแล้วไม่ดีขึ้น ขอให้ไปพบแพทย์
ทั้งนี้จากรายงานผู้ได้รับอาการไม่พึงประสงค์หลังรับวัคซีน พบว่าประมาณ 90% ไม่มีอาการ และมีเพียงกว่า 8% เท่านั้นที่รายงานอาการข้างเคียงผ่านระบบหมอพร้อม หรือมีเพียงบางรายเท่านั้นที่พบอาการข้างเคียงรุนแรงกว่าปกติ ขอให้ประชาชนสบายใจได้
@ แรงงานข้ามชาติที่ 'ขึ้นทะเบียน-สุขภาพดี' เดินทางข้ามจังหวัดได้
นพ.เฉวตสรร กล่าวตอบข้อซักถามกรณีการพาแรงงานข้ามชาติไปต่างจังหวัดว่า สำหรับชาวต่างชาติที่ขึ้นทะเบียนแล้ว อาศัยอยู่ในไทยมานาน และดูแลสุขภาพอย่างดี หากจะเดินทางข้ามพื้นที่ คาดว่าไม่เป็นปัญหา ทั้งนี้อยากให้ติดตามข่าวจากคณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัดที่เกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากอาจจะมีผลต่อการเดินทาง
@ 'แอสตร้าเซนเนก้า' ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ-รับรองรุ่นผลิต
ขณะเดียวกัน นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณภาพและรับรองรุ่นการผลิตของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าว่า ตามที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ ส่งถึงประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2564 แต่ยังไม่สามารถให้การรับรองรุ่นการผลิตได้นั้น เนื่องจากต้องรอการตรวจรับรองคุณภาพจากหน่วยงานกลางของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้ใช้เวลาระยะหนึ่งในการส่งมอบเอกสารข้อมูลการผลิตและการควบคุมของวัคซีนรุ่นที่นำเข้ามาให้กับสถาบันชีววัตถุ และเมื่อสถาบันชีววัตถุได้รับข้อมูลดังกล่าวในวันที่ 4 มี.ค.2564 ได้เร่งดำเนินการพิจารณาข้อมูลการผลิตและการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนสำคัญ ตั้งแต่เชื้อไวรัสตั้งต้นจนถึงวัคซีนสำเร็จรูป ซึ่งพบว่ามีกระบวนการผลิตและคุณภาพสอดคล้องตามที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา โดยกระบวนการรับรองรุ่นการผลิตนี้เป็นไปตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ยังตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม ทำให้มั่นใจได้ว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า รุ่นการผลิตที่นำเข้ามาใช้นี้มีคุณภาพ และมีความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐาน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage