พลิกอีกตลบ! 'อนุทิน'แจงวัคซีนโควิดจากซิโนแวค ลอตแรกได้แน่เดือน ก.พ. 2 แสนโด๊ส เน้นฉีดบุคลาการทางการแพทย์ด่านหน้าก่อน ที่เหลือตามมาอีก 1.8 ล้านโด๊สในเดือน มี.ค.-เม.ย. 1 ล้านโด๊ส จึงฉีดประชาชน-จนท.ที่เกี่ยวข้อง-แรงงานต่างด้าว
...............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี มีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งที่ 2/2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยมีนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจาก หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
นายอนุทิน กล่าวภายหลังการประชุมว่า ยังมีความหวังที่จะได้วัคซีนโควิด-19 จากซิโนแวค ในเดือน ก.พ. 2564 ที่จะเป็นไปตามแผนเสริมที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากแผนหลัก ล่าสุดผู้ผลิตจากประเทศจีนได้สัญญาว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งวัคซีนให้ไทย ตามที่ได้ตกลงกันไว้จำนวน 2 ล้านโด๊ส แบ่งเป็นส่งมอบในเดือน ก.พ. 2 แสนโด๊ส และจะตามมาหลังจากนั้นอีก 1.8 ล้านโด๊ส แบ่งเป็น มี.ค. 8 แสนโด๊ส และ เม.ย. 1 ล้านโด๊ส สำหรับการฉีดให้กับแรงงานต่างด้าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ผู้ผลิตจากจีนยังกล่าวอีกว่า หากไทยต้องการเพิ่มขึ้น ก็พร้อมดูแลจัดหามา เท่ากับว่าแผนการวัคซีนของไทยนั้น ไม่ได้ให้ผู้ผลิตเจ้าเดียวมาผูกขาด โดยการขึ้นทะเบียนขึ้นกับความสมัครใจของผู้ผลิต ทางการไทยไม่มีปิดกั้น แต่จะขึ้นทะเบียนได้หรือไม่ ขึ้นกับเงื่อนไขทั้ง 2 ฝ่าย ที่ต้องยอมรับกันได้ หากการขึ้นทะเบียนต้องตามมาด้วยการบังคับซื้อ ต้องชะลอไปก่อน ไทยมีอิสระในการตัดสินใจเช่นเดียวกัน ในเรื่องการจองซื้อวัคซีนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ หากซื้อแล้ว ต้องได้วัคซีนในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ส่วนกรณีการจัดหาวัคซีนมาได้ล่าช้า นายอนุทิน กล่าวว่า เบื้องหลังการบริหารจัดการคือคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในคณะกรรมการกำลังหาทางออกให้ประเทศไทย แน่นอนว่ามั่นใจความรู้ ความสามารถของทุกท่าน มั่นใจว่าท่านทำงานหนักมาก และทุกท่านมีความเป็นกลาง คิด และตัดสินใจตามหลักวิชาการอย่างรอบคอบ ขอให้คนไทยเชื่อมั่นในทีมประเทศไทย ให้กำลังใจกัน ดีกว่าการคอยแต่วิพากษ์วิจารณ์ สร้างความสับสนให้แก่สังคม ทั้งยังทำลายขวัญกำลังใจคนทำงาน
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ สถานการณ์โรคโควิด-19 ภาพรวมมีการบริหารจัดการได้ดี ควบคุมโรคได้แล้ว ส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ตาก และ กทม. ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่บ้าง อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ อสม. และทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ และเอกชน ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างหนัก ทั้งการลงพื้นที่สอบสวนโรคและควบคุมการระบาด วางแผนการจัดการกับสถานการณ์ระบาด จัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพียงพอ และ Bubble and Sealed Factory-Accommodation Quarantine ในจังหวัดสมุทรสาคร ให้อยู่ในพื้นที่ แยกผู้ติดเชื้อออกมารักษา ถือว่าสถานการณ์ควบคุมได้ รวมทั้ง ศบค.ได้ออกประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคตั้งแต่ 1 ก.พ. เป็นต้นมา หากการเฝ้าระวังป้องกันโรคพบว่าผู้ติดเชื้อลดลงมากขึ้น กระทรวงสาธารณสุข จะได้เสนอมาตรการผ่อนคลายต่อ ศบค.เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ขึ้นกับสถานการณ์ในแต่ละห้วงเวลา ทุกภาคส่วนยังต้องเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้เห็นชอบแผนกลยุทธ์การบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 พ.ศ. 2564 มี 2 ระยะ โดยในระยะแรกที่วัคซีนมีปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโควิด-19 รักษาระบบสุขภาพของประเทศ ฉีดให้ 5 กลุ่ม ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาชนที่มีโรคประจำตัว ประชาชนที่มีอายุ 60 ขึ้นไป เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิดที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย รวมทั้งประชาชนทั่วไปและแรงงานในพื้นที่ระบาดของโควิด
ระยะที่ 2 เมื่อวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอ เพื่อรักษาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ สร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากรและฟื้นฟูประเทศให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ฉีดให้กับ 7 กลุ่ม ได้แก่ ประชาชนทั่วไป, แรงงานในภาคอุตสาหกรรม, ผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์, ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ, นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ, กลุ่มเป้าหมายระยะที่ 1 ในจังหวัดที่เหลือ และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆ
นอกจากนี้ ได้เห็นชอบแผนการกระจายวัคซีนโควิดระยะแรก เดือน ก.พ. - พ.ค. 2564 จำนวน 2 ล้านโด๊ส ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด คือ จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดที่ยังพบผู้ป่วย ได้แก่ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และตาก ระยะที่ 2 เดือน มิ.ย. - ธ.ค. 2564 จำนวน 61 ล้านโด๊ส โดยมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนให้บริการกว่า 1,000 แห่ง วางแผนฉีดวัคซีนเดือนละ 10 ล้านโด๊ส เพื่อฉีดวัคซีนให้ครบทั้ง 63 ล้านโด๊ส ภายในปี 2564
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage